Kimetsu no yaiba หรือดาบพิฆาตอสูรที่หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดีในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอนิเมะแห่งยุคที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ชวนตะลึงให้กับโลกของอนิเมะได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเข้มข้น รวมไปถึงภาพที่ทสามารถทำออกมาได้ค่อนข้างสวย มันจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอนิเมะเรื่องนี้ถึงสามารถเข้าไปครองใจของใครหลาย ๆ คนได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่สำหรับบรรดาเหล่าคออนิเมะรุ่นเก๋า และ คนที่ติดตามอนิเมะบ้างเป็นครั้งคราวซึ่งเกิดในยุค 90 แล้วละก็ เราเชื่อว่าเมื่อคุณพูดถึงอนิเมะอย่าง kimetsu no yaiba ไปพวกเขาเหล่านั้นจะต้องทำหน้างง พร้อมกับพูดกลับมาว่า “ไยบะที่มีดาบใส่ลูกแก้วอะเหรอ” ซึ่งไอ้ประโยคที่ตอนกลับมานี่แหละที่เราเชื่อว่ามันคงทำให้บรรดาเหล่าคออนิเมะรุ่นใหม่นั้นงงไปตาม ๆ กัน ซึ่งสาเหตุที่มันเป็นแบบนั่นก็เพราะว่าในครั้งสมัยอดีตนั้นมันเคยมีการ์ตูนดังที่มีชื่อว่า Yabi คล้าย ๆ กัน และมันก็เป็นอนิเมะที่มีเนื้อหาค่อนข้างเร้าใจ จนทำให้เราไม่สามารถเล่าหมดได้ในบทความเดียว ดังนั้นในครั้งนี้เราจึงจะมาขอพูดถึง อนิเมะ Yabi ที่มีเนื้อเรื่องสุดมันจนกลายเป็นตำนานกัน ซึ่งเรื่องราวของอนิเมะเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะเริ่มอ่านคุณสามารถค้นหาชื่อ Yabi เพิ่มในเว็บไซต์ของเราเพื่ออ่านในบทความแรกกันก่อนได้ ส่วนสำหรับใครที่กำลังเนื้อหาความสนุกของเรื่องนี้ต่ออยู่ เอาเป็นว่า เราไปเริ่มเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า
เนื้อเรื่องในการต่อสู้กับชาวใต้พิภพ

หลังจากบทความที่แล้วเราได้เล่าว่าตัวของ ไยบะ สามารถเอาชนะคางูยะที่ขนกองทัพกระต่ายจากดวงจันทร์มายังโลกเพื่อรุกรานได้แล้ว ศึกต่อมาที่ตัวของไยบะต้องเผชิญหน้านั่นก็คือ ศึกกับชาวใต้พิภพ โดยหลังจากที่ตัวไยบะปราบคางูยะลงได้เขาก็ใช้ลูกแก้วมังกรในการปิดผนึกร่างของคางูระเอาไว้ ส่วนโอนิมารูที่ได้ชิงเอาดาบจันทร์เสี้ยว และ ทิ้งดาบเทพวายุ เอาไว้ก็หายเงียบไป จนทำให้โลกช่วงนั้นเต็มไปด้วยความสงบสุข
แต่แล้วหลังจากนั้นประเทศญี่ปุ่นก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น และ จู่ ๆ ก็มีพีระมิดประหลาดโผล่ขึ้นมาพร้อมกับหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งที่ได้มาบอกว่าตัวของเธอนั้นเป็นชาวใต้พิภพและอยากให้ตัวของไยบะช่วยหยุดบรรดาเหล่าพรรคพวกของเธอที่ต้องการจะทำลายประเทศญี่ปุ่นนี้ทิ้งเพื่อขึ้นปกครองแทน และนั่นเองจึงทำให้ไยบะตัดสินใจช่วยเธอ โดยในครั้งนี้ดาบที่ไยบะใช้นั่นก็คือ ดาบเทพอัสนี และ ดาบเทพวายุ
ซึ่งนั่นเองจึงทำให้ในภาคนี้เราจะได้เห็นไยบะโชว์สกิล 2 ดาบ นอกจากนั้นแล้วในตอนสุดท้ายใกล้ ๆ จบอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้บรรดาเหล่าเด็ก ๆ ในยุคนั้นต้องร้องว้าวนั่นก็คือ การที่ตัวไยบะตัดสินใจยอมให้เทพอัสนี และ เทพวายุยึดร่าง ซึ่งบอกเลยว่าตอนนั้นเป็นอะไรที่โคตรเท่ แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นก็คือ การที่ไยบะต้องปะทะกับบอสสุดท้ายที่เป็นหุ่นยนต์ และการต่อสู้ในครั้งนั้นนี่เองที่ทำให้ดาบเทพวายุ และ อัสนี ได้หลอมรวมกัน จนกลายเป็นดาบจอมราชันย์ ขึ้นมาในที่สุด
ศึกตัดสินกับโอนิมารูใยฐานะจอมมาร

หลังจากตัวของ ไยบะ สามารถเอาชนะจักรพรรดิของชาวใต้พิภพลงได้ ประเทศญี่ปุ่นเองก็กลับมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่ระหว่างที่ตัวของไยบะกำลังใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของตัวเองเหมือนดั่งเช่นทุกวัน จู่ ๆ เขาก็ถูกจู่โจมจากนักดาบคนหนึ่งเข้า แถมผู้ที่จู่โจมยังมีดาบปีศาจที่มีพลังร้ายกาจแบบสุด ๆ ซึ่งจากการต่อสู้ครั้งนั้นนี่เองที่ทำให้ไยบะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วโอนิมารูไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ว่าเขากำลังออกเดินทางเพื่อทำลายผนึกศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 แห่งที่มันกระจายอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งถ้าหากโอนิมารูทำสำเร็จเทพปีศาจอย่างโอโรจิจะตื่นขึ้นและออกทำลายโลก ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อไยบะรู้แบบนั้นเขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้ แถมในครั้งนี้เรื่องมันยังตึงมือเกินกว่าที่ไยบะจะสู้คนเดียว จนทำให้ในที่สุดไยบะก็ต้องตัดสินใจปลดผนึกคางูยะออกเพื่อให้เธอมาช่วย แต่เธอก็ยินดีให้ความร่วมมือในครั้งนี้เพราะว่าเธอนั้นรักโลกใบนี้
แต่สุดท้ายแล้วโอนิมารูก็ยังสามารถปลดผนึกโอโรจิออกมาได้อยู่ดี และนั่นเองจึงทำให้ไยบะที่มีดาบจอมราชันย์ต้องเข้าปะทะกับโอนิมารูที่มีดาบจันทร์เสี้ยวอยู่ และผลจากการปะทะกันครั้งนั้นไยบะก็สามารถเอาชนะโอนิมารูลงได้และทำให้ร่างปีศาจของเขาสลายไป ส่วนไยบะเองก็ต้องเสียสละดาบจอมราชันย์เพื่อผนึกโอโรจิ
เส้นทางแห่งนักดาบ

ซึ่งแม้ว่าเนื้อเรื่องในช่วงศึกสุดท้ายของจอมมารโอนิมารูนั้นจะเป็นอะไรที่พีคเอามาก ๆ จนทำให้หลาย ๆ คนคิดว่าเนื้อเรื่องของไยบะน่าจะจบลงตรงนี้แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นยังมีเนื้อเรื่องต่ออีก แถมมันยังเป็นเนื้อเรื่องที่ไม่ได้เน้นไปทางพลังอภินิหารต่าง ๆ อีกด้วย โดยเนื้อเรื่องช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ ไยบะ ได้รู้ความจริงว่า แท้จริงแล้วพ่อของไยบะที่เลี้ยงเขามานั้นไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แถมพ่อที่แท้จริงของเขายังถูกพ่อที่เลี้ยงเขามาตลอดฆ่าอีกต่างหาก
แต่ถึงยังไงตัวของไยบะก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี จึงทำให้เขาต้องออกเดินทางไปพร้อมกับแม่ และ น้องสาวเพื่อเข้าสู่การประลองโลกมืดที่เต็มไปด้วยบรรดาเหล่านักดาบระดับหัวกะทิมากมาย ซึ่งในครั้งนี้นี่เองที่เราจะได้เห็นตัวของไยบะใช้ดาบไม้ธรรมดา ๆ ในการต่อสู้ และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือเพลงดาบที่แท้จริงของไยบะโดยไม่มีพลังของดาบ หรือ ลูกแก้วใด ๆ
และที่พีคที่สุดนั่นก็คือ เมื่อไยบะผ่านมาถึงรอบชิง แทนที่เขาจะสู้กับพ่อเหมือนดั่งที่ตั้งใจไว้ กลับกลายเป็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาดันเป็น โอนิมารู ที่ไปฝึกกับพ่อของไยบะมา พร้อมกันนั้นตัวของโอนิมารูเองก็ยังใช้ดาบไม้เหมือนกับไยบะ มันเลยทำให้การต่อสู้สุดท้ายนั้นเป็นการวัดด้วยฝีมือกันล้วน ๆ ของทั้งคู่
เพราะอะไรเรื่องนี้ถึงกลายเป็นตำนาน

สำหรับคนที่เคยอ่านเป็นหนังสือการ์ตูน หรือ เคยดูเป็นอนิเมะ เราเชื่อว่าหลาย ๆ นั้นน่าจะรู้สึกเหมือนได้ย้อนความหลังอีกครั้ง แต่สำหรับคนที่เกิดไม่ทัน หรือ ไม่เคยดูอนิเมะเรื่องนี้ หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าเพราะอะไรทำไมมันถึงกลายเป็นตำนานได้ โดยสิ่งแรกที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นตำนานเลยนั่นก็คือ การได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับตัวของ ไยบะ
ซึ่งเราจะเห็นได้เลยว่าจริง ๆ แล้วตัวของไยบะนั้นก็เป็นเพียงแค่เด็กที่เอาแต่เฮฮาไปวัน ๆ ในช่วงแรก แต่หลังจากที่เขาได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมาย มันก็ค่อย ๆ หล่อหลอมให้ตัวไยบะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แถมการเลือกตอนจบให้ตัวไยบะได้ต่อสู้โดยใช้เพียงแค่ดาบไม้ธรรมดานั้นถือได้ว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างลงตัวอย่างมาก เพราะมันทำให้เห็นได้ว่าตัวของไยบะเองนั้นเก่งพอที่จะเข้าสู่วิถีของนักดาบที่แท้จริงแล้วนั่นเอง
นอกจากนั้นแล้วตัวเนื้อเรื่องก็ยังไม่ได้เน้นขายแต่ฉากแอคชั่นเพราะยังมีความฮาไม่ว่าจะเป็นทั้งฉากการต่อสู้ หรือ บรรดาเหล่าเพื่อน ๆ ของไยบะที่เป็นนักดาบชื่อดัง และ สมุนของโอนิมารูอย่างเจ้ากบ และ เจ้าแมงมุม ซึ่งบอกเลยว่า 2 ตัวนี้คือตัวขโมยซีนเลยทีเดียวละ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ อนิเมะ Yabi ที่มีเนื้อเรื่องสุดมันจนกลายเป็นตำนาน ที่เราได้นำมาฝากทุก ๆ คนกัน ซึ่งเราเชื่อเลยหลังจากที่หลาย ๆ คนอ่านบทความนี้จบ คุณจะต้องไปหาอนิเมะเรื่องนี้มาดู หรือมาอ่านอย่างแน่นอน