ในหลาย ๆ ตำราเรียนนั้นได้มีสิ่งหนึ่งที่กล่าวเอาไว้เหมือนกันนั่นก็คือ มนุษย์อย่างเรานั้นเป็นสัตว์สังคม ซึ่งความหมายของคำว่าสัตว์สังคมนั้นก็คือ การอยู่รวมกันเป็นหมู่คณะโดยแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่ในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั่นเอง และเพราะเหตุนั้นนี่เองที่ทำให้อย่างน้อยทุกคนจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า เพื่อน ที่คอยช่วยเหลือในยามทุกข์ ยามสุข นั่นเอง แต่จะทำอย่างไรกันละถ้าเกิดเราเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่งจนทำให้แทบไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว และนั่นเองก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอนิเมะชวนขำอย่างเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง
Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั้นเป็นอนิเมะแนวโรแมนติก ดราม่า ที่งานนี้ทาง Netflix ลงทุนร่วมมือกับ โอแอลเอ็ม สตูดิโอ ซึ่งเป็นผู้สร้างการ์ตูนฮิตอย่า โปเกมอน และ berserk ฉบับอินเมะ สร้างขึ้นมา โดยเนื้อหาของ Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั้นจะเป็นการดัดแปลงมาจากอนิเมะชื่อเดียวกันที่ขายดีแบบถล่มทลายทั่วโลกจนทำให้มีแต่ยอดรีวิวที่สูงลิ่งในทุก ๆ ช่องทางเลยนั่นเอง
โดยเรื่องราวของ Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั้นจะเล่าถึงทาดาโนะ ฮิโตะฮิโตะ ชายหนุ่มสุดแสนธรรมดา ที่ชีวิตของเขาไม่ต้องการจะเป็นจุดสนใจ หรือ โดดเด่น และที่โรงเรียนที่เขาเรียนอยู่นั้นเองก็มีหญิงสาวที่มีชื่อว่า โคมิ โชโกะ ซึ่งเธอคนนี้ถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งหนักเรียนเนื่องจากทุกอย่างของเธอนั้นเพอร์เฟ็คหมดไม่ว่าจะเป็นหน้าตา และ บุคลิก จนกระทั่งวันหนึ่งตัวทาดาโนะ ก็ได้บังเอิญไปรู้ความลับของ โชโกะ เข้าว่าจริง ๆ แล้วเธอคนนี้เป็นโรคพูดไม่เก่ง จนทำให้เธอไม่สามารถที่จะตอบโต้ได้เหมือนกับคนปกติที่ไป และ จริง ๆ แล้วเธอก็ไม่ได้มีท่าทางหยิ่ง หรืออะไรทั้งนั้น แถมเธอยังต้องการที่จะมีเพื่อนให้ได้ 100 คนก่อนเรียนจบอีกด้วย และด้วยความใจดีของ ทาดาโนะ นี่แหละ จึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะยืนมือเข้าไปช่วยเหลือเธอ และนั่นเองก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง
ซึ่งใครที่ได้ฟังเรื่องย่อของ Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง มาถึงตรงนี้เราก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจฟะคิดว่ามันก็แค่อนิเมะแนวตกลพื้น ๆ ที่เห็นกันทั่ว ๆ ไปในปัจจุบัน แต่ทว่าหากคุณ๊ได้ดูกันจริง ๆ แล้ว บรรดาเหล่าตัวละครในเรื่องนี้ถือได้ว่ามีจุดเด่นค่อนข้างมากเลยทีเดียว เพราะว่าตัวละครแต่ละตัวต่างก็ฉีกขนบอนิเมะเรื่องอื่น ๆ ไปไกลอยู่พอสมควรเลยทีเดียว โดยสามารถเห็นได้อย่างแรกก็ตั้งแต่ชื่อของตัวละครกันแล้วนั่นเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่กลายเป็นจุดเด่นของ Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั่นก็คือ บรรยากาศสบาย ๆ ของตัวเรื่อง แต่ถึงแบบนั้นมันก็แฝงเอาไว้ด้วยความอบอุ่น เพราะในเรื่องนั้นได้สอดแทรกความสำคัญของการสื่อสารพูดคุยผ่านบรรดาเหล่าตัวละครต่าง ๆ เอาไว้ แถมความสัมพันธ์เหล่านั้นมันก็ยังดูไม่มีพิษมีภัย เพราะมันก็เป็นสิ่งที่เราสามารถเห็นได้ในชีวิตวัยมัธยมภายในรั้วโรงเรียนทั่วไปเช่น การออกไปเที่ยว การใช้ชีวิตประจำ รวมไปถึงการทำกิจกรรมชมรมต่าง ๆ แถมสิ่งเหล่านั้นยังถูกนำมาหลอมรวมและนำมาผสมกับมุกบ้า ๆ บอ ๆ มากมกาย รวมถึงยังมีจังหวะโบ๊ะบ๊ะผ่านทางเสียบรรยายที่จะคอยช่วยตบมุกให้กับเหล่าตัวละคร เพื่อล้อเลียนวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้แบบไหลลื่นไม่ยัดเยียด
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั่นก็คือการเดินเรื่องไปข้างหน้า เพราะว่าเรื่องนี้แม้ว่าเรื่องจะเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ก็ตามที แต่ทว่ามันกลับไม่ได้ใส่ปมเนื้อหาอะไรที่ดูหนัก ๆ เข้ามาเลย เพราะว่าเพียงแค่ปมเล็ก ๆ ของเรื่องก็สามารถเล่ารายละเอียดต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับบางตอน จนบางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกซาบซึ่งจนน้ำตาซึมได้เช่นกัน แถมในบางปมก็ยังสามารถสร้างความอบอุ่นหัวใจไปกับความสัมพันธ์ของตัวละคร
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณโฟกัสในเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั่นก็คือตัวละครต่าง ๆ เพราะว่าตัวละครอย่างพระเอกของเรื่องอย่าง ทาดาโนะ นั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมาดา ๆ คนหนึ่ง แต่เพราะความเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นนี่แหละ แต่เขาคนนี้นี่แหละที่กลายเป็นคนที่ทำให้หญิงสาวที่งดงามราวกับเทพธิดาอย่าง โชโกะ เปิดใจได้
ส่วนตัวของ โชโกะ แม้ว่าในเรื่องเธอจะค่อนข้างพูดน้อยเอามาก ๆ จนทำให้เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงเธอเลย แต่ทว่าในทุก ๆ ครั้งที่เธอพูดออกมานั้น มันก็ทำให้เรื่องดูมีอิมแพคได้อย่างน่าประหลาดใจ แถมมิตรภาพของเธอ กับ ทาคาโนะ ในเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นั้นก็ยังถือได้ว่าค่อนข้างกุ๊กกิ๊กน่ารัก และ มันก็ทำให้คนดูหลาย ๆ คนพร้อมที่จะเอาใจช่วย
แถมตัวละครหลัก ๆ ในเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง ยังไม่ได้หมดเท่านั้นเพราะว่ายังมี โอซามิ นาจิมิ เพื่อนสมัยเด็กที่มักจะชงให้คู่พระนาง 2 คนนี้ได้ใกล้ชิดกันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนั้นแล้วในเรื่องก็ยังมีบรรดาเหล่าตัวละครอื่น ๆ ที่มีคาแร็คเตอร์อันเด่นชัดมาโชว์ความเพี้ยนและขโมยซีนได้อยู่เสมอ
และเพราะคาแร็คเตอร์ต่าง ๆ ที่ทยอยเข้ามาสร้างสีสันให้กับเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง นี้นี่แหละ ที่มันได้กลายเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงสัจจะธรรมว่า จริง ๆ แล้วคนเราไม่สามารถมองภายนอกได้เพียงผิวเผิน ซึ่งแม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะถูกเล่าออกมาในรูปแบบของความตลกก็ตามที แต่ทว่าถ้าเรามองลงไปลึกจริง ๆ แล้วมันก็อาจะไม่ใช่เรื่องขำก็เป็นได้ เพราะว่า คุณลองคิดดูสิว่า ถ้าเกิดคุณเป็นแบบพระเอกของเรื่อง ที่มักจะถูกกมองข้ามราวกับไม่มีตัวตนอย่างน่างสารแล้วละก็ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะพบกับสภาวะซึมเศร้าจากเหตุการณ์นี้ได้เลย ดังนั้นแล้วมันจะเปรียบเสมือนว่า เราไม่ควรที่จะทิ้งให้ใครเผชิญหน้ากับเรื่องราวต่าง ๆ เพียงลำพัง
และเมื่อพูดถึงคาแร็คเตอร์ของตัวละครในเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้บรรดาเหล่าตัวละครต่าง ๆ มีสีสันมากขึ้นก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดาเหล่านักพากย์ ซึ่งแต่ละคนสามารถทำออกมาได้ดีแบบสุด ๆ โดยเฉพาะตัวละครหลักอย่าง โชโกะ ที่แทบจะไม่ค่อยพูด แต่ทว่านักพาย์เองก็ดีไซน์เสียงออกมาเป็นการใช้เสียงจากลำคอ หรือบางทีก็พูดออกมาคำหนึ่งโดยไม่รู้เรื่อง ส่วนเสียงโหวกเหวกของบรรดาเหล่าตัวละครจอมโวยวายทั้งหลายในเรื่องก็สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างบาลานซ์และไม่ทำให้โทนเรื่องเสีย

แต่ที่เราอธิบายมาทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่ว่าเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง จะไม่มีข้อเสียเลย เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ก็ยังพอมีข้อเสียอยู่บ้างนั่นก็คือ เพราะความราบเรียบของเนื้อเรื่องนี่แหละ มันจึงทำให้หลาย ๆ คนที่คาดหวังว่าต้องการแนวเรื่องที่หวือหวา และ มีความแปลกใหม่นั้น จะไม่เจอกับอะไรดแบบนั้นเลย แถมบางตอนไอ้พฤติกรรมสุดเพี้ยนได้โล่ของตัวละครบางตัวนั้นก็ยังมีปัญหาในการนำเสนออกมาจึงทำให้ในบางตอนนั้นไม่ได้เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย นั่นเอง
ดังนั้นแล้วอนิเมะอย่างเรื่อง Komi Can’t Communicate โฉมงามพูดไม่เก่งกับผองเพื่อนไม่เต็มเต็ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอนิเมะชั้นดี ที่เราเชื่อว่าถ้าใครได้ลองกดเข้าไปดูแล้ว คุณจะต้องไม่รู้สึกเสียดายเวลาแน่นอน และ เผลอ ๆ บางตอนมันยังทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนลืมไม่ลงได้อีกด้วย