และแล้วเรื่องราวของหญิงสาวกับจดหมายก็ได้ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด จากกระแสตอบรับทั้งฉบับทีวีซีรีส์ และฉบับมูฟวี่ก่อนหน้านี้ รวมไปถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่จะดำเนินไปต่อนั้น ส่งผลให้ Violet Evergarden ได้เข็นมูฟวี่ตัวสุดท้ายออกมาเพื่อปิดฉากเรื่องราวทั้งหมด โดยทาง JAM ของไทยก็ได้มีการนำไปฉายในโรงภาพยนตร์อยู่หลายโรงเลยทีเดียว ก่อนจะถูกนำมาลงในแพลตฟอร์มของ Netflix เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเสียงลือเสียงเล่าอ้างของผู้ชมทุกคนล้วนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือที่สุดของอนิเมะเรียกน้ำตา โดยเฉพาะจดหมายฉบับสุดท้ายที่หญิงสาวนามว่า Violet Evergarden เป็นผู้เขียนขึ้นถึงผู้พันอันเป็นที่รัก
Violet Evergarden มาจากไลท์โนเวลที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดของสตูดิโอ Kyoto Animation ซึ่งปัจจุบันออกมา 3 เล่มจบ เขียนโดยอาจารย์ AKATSUKI Kana และออกแบบตัวละครโดย TAKASE Akiko ก่อนจะถูกมาทำเป็นอนิเมะทีวีซีรีส์เมื่อปี 2018 โดยสตูดิโอ Kyoto Animation หรือที่รู้จักกันว่าเกียวอนิ ที่เคยสร้างผลงานคุณภาพมาแล้วหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Clannad หรือ Koe no Katachi และอีกมากมาย โดยฉบับมูฟวี่นี้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที ฉายที่ญี่ปุ่นวันแรกเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2020 ก่อนจะนำมาฉายในไทยโดยใช้ชื่อภาคนี้ว่า “จดหมายฉบับสุดท้าย” นั่นเอง
ตัวละคร
Violet Evergarden พากย์เสียงโดย คุณ Ishikawa Yui
Gilbert Bougainvillea พากย์เสียงโดย คุณ Namikawa Daisuke
Claudia Hodgins พากย์เสียงโดย คุณ Koyasu Takehito
Cattleya Baudelaire พากย์เสียงโดย คุณ Endou Aya
Iris Cannary พากย์เสียงโดย คุณ Tomatsu Haruka
Erica Brown พากย์เสียงโดย คุณ Chihara Minori
Benedict Blue พากย์เสียงโดย คุณ Uchiyama Kouki
เรื่องย่อ
หลังจากสิ้นสุดสงครามไปได้หลายปี ความสงบสุขก็กลับคืนมาสู่ดินแดน Violet ยังคงทำงานเป็นออโตเมมโมรีดอลล์เพื่อเขียนจดหมายให้กับลูกค้าที่ต้องการ เรื่องราวของเธอถูกกล่าวถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายให้กับการแต่งงานของราชวงศ์ แต่งบทเพลง บทกวีอันลึกซึ้ง ซึ่งดูไม่เหมือนว่าหญิงสาวใบหน้าไร้อารมณ์ผู้นั้นจะเข้าใจความรู้สึกของผู้คนได้มากถึงเพียงนี้ แต่ Violet ก็ทำมันได้ และทำได้อย่างดี เธอใช้ชีวิตดั่งที่ผู้พันอันเป็นที่รักต้องการให้เป็นอย่างที่หญิงสาวคนหนึ่งพึงจะมี และในใจก็ยังคงเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกที่มีต่อผู้พันเสมอมา
ครั้งนี้ Violet ก็ยังคงได้พบเจอกับลูกค้าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความรู้สึกที่ต้องการสื่อให้ใครสักคนรู้ด้วยการเขียนจดหมาย ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โทรศัพท์เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ทำให้จดหมายเริ่มที่จะถูกใช้บริการน้อยลง ผู้คนสามารถสื่อสารกันด้วยเพียงยกหูโทรศัพท์และคุยกันเท่านั้น แต่ Violet ก็ยังคงทำงานของเธอเหมือนดังเดิม ในขณะที่ผู้คนรอบข้างต่างพากันเติบโตไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ดั่งเช่น Erica Brown ที่ลาออกจากบริษัทไปรษณีย์ไปทำงานเป็นผู้ช่วยผู้เขียนบทละครจนมีผลงานเป็นของตัวเอง
แม้จะดำเนินชีวิตไปอย่างปกติ แต่ทว่าในใจ Violet กลับยิ่งยากที่จะลืมเลือนเรื่องราวเกี่ยวกับผู้พันอันเป็นที่รักของเธอ และนับว่าเมื่อได้รู้ความหมายของคำว่า “ฉันรักเธอ” แล้วทำให้ความรู้สึกที่มีพลันเอ่อล้น ประจวบเหมาะกับที่ Claudia Hodgins เจ้านายของเธอและอดีตผู้บังคับบัญชาได้ข่าวคราวเกี่ยวกับ Gilbert Bougainvillea เป็นไปได้ว่าที่เขาผู้นี้จะยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ Violet และ Hodgins รีบพากันเดินไปทางยังเกาะแห่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ซึ่งเป็นสถานที่ผู้พันของ Violet ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
สำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องราวของ Violet Evergarden มาตั้งแต่แรกก็ไม่อยากให้พลาดเรื่องราวบทสรุปปิดท้ายที่เราต่างพากันสงสัยว่าสรุปผู้พันของเธอเสียชีวิตจริงหรือไม่ ? และเบาะแสที่ได้รับในครั้งนี้จะทำให้เธอได้พบกับคนรักหรือเปล่า ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเนื้อหาของ Violet กับผู้พันนั้นค่อนข้างมีน้อย แม้จะมีการย้อนความสมัยยังอยู่กองทัพและความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากขึ้น แต่ส่วนตัวยังมองว่าเรื่องราวของคนรอบข้างยังดูมีอิมแพ็คกว่า โดยเฉพาะเรื่องของเด็กชายที่ป่วยแล้วรู้ว่าชีวิตตัวเองอยู่ได้อีกไม่นาน ซึ่งส่วนนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจดหมายที่โทรศัพท์ใช้แทนไม่ได้เป็นอย่างดี
ตอนเปิดเรื่องจะนำเสนอสังคมที่อยู่ในยุคสมัยใหม่ การสื่อสารรวดเร็วกว่าแต่ก่อนมาก แต่ก็ยังมีเรื่องราวเก่า ๆ เกี่ยวกับจดหมายที่ยังคงเก็บไว้เป็นความทรงจำ ก่อนจะค่อย ๆ เกริ่นเข้าสู่เรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Violet Evergarden ก่อนจะตัดฉากดำเนินเรื่องราวของฝั่ง Violet ควบคู่กันไป นอกจากนี้ยังคงแฝงความโหดร้ายของสงคราม ผลกระทบที่ตามมาไม่เพียงแต่การเสียชีวิตของทหารเท่านั้น แต่คนข้างหลัง ครอบครัว รวมไปถึงสังคมก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน แต่ก็ไม่ใช่ความผิดที่ใครคนหนึ่งควรแบกรับเอาไว้จนไม่มีความสุข เรียนรู้ที่จะปล่อยวางและก้าวไปข้างหน้า
สรุป
เรื่องนี้ให้อะไรมากกว่าความบันเทิง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างยุคเกษตรกรรมไปสู่ยุคอุตสาหกรรมมากขึ้น สำหรับคนที่เติบโตมากับยุคส่งจดหมายจะทำให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องได้ง่ายมาก งานภาพยังคงความสวยงามไว้อย่างที่เคยทำ จึงไม่แปลกใจเลยว่าคะแนนในเว็บไซต์ Myanimelist จึงได้มากถึง 8.94 และ IMDb ได้ไปที่ 8.5 คะแนนเลยทีเดียว สมกับเป็นบทสรุปของเรื่องราวที่สุดแสนประทับใจ