ทันทีที่เรื่อง Shuumatsu no Valkyrie หรือ Record of Ragnarok ประกาศทำเป็นอนิเมะในฐานะ ONA (Original Net Animation) สำหรับฉายแพลทฟอร์มออนไลน์ก็กลายเป็นที่คาดหวังของแฟนการ์ตูนเป็นอย่างมาก เพราะในเวอร์ชั่นมังงะเป็นเรื่องราวของการต่อสู้อันสุดโต่งระหว่างมนุษย์และเทพ สเกลเรื่องค่อนข้างใหญ่ และมีฉากต่อสู้สุดมัน เป็นการ์ตูนสำหรับคนที่ชื่นชอบแนวระเบิดพลังใส่กันสุดฝีมือ จึงไม่แปลกเลยว่าจะเป็นที่ตั้งหน้าตั้งตารอของแฟน ๆ โดย Record of Ragnarok เพิ่งฉายตอนแรกไปเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2021 ที่ผ่านมา และเป็นเรื่องที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เยอะพอสมควรเลยทีเดียว
Record of Ragnarok ต้นฉบับมาจากมังงะที่ชื่อ Shuumatsu no Valkyrie ผลงานของอาจารย์ FUKUI Takumi กับ อาจารย์ UMEMURA Shinya เป็นผู้เขียนและอาจารย์ AJI Chika เป็นผู้วาด ลงในนิตยสาร Comic Zenon ของสำนักพิมพ์ Tokuma Shoten ส่วนฉบับภาษาไทยแปลและจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ PHOENIX ในชื่อ มหาศึกคนชนเทพ ปัจจุบันออกมาที่ 9 เล่ม ซึ่งห่างจากต้นฉบับเพียงแค่ 2 เล่มเท่านั้น
สำหรับอนิเมะนั้นปัจจุบันฉายมาแล้วทั้งหมด 12 ตอน โดยสตูดิโอ Graphinica ที่เคยผลิตผลงานอย่าง Arslan Senki และ SSSS.Gridman ภายใต้การกำกับของ Ookubo Masao ความยาวประมาณตอนละ 24 นาที เริ่มฉายเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถรับชมได้ที่เฉพาะ Netflix เท่านั้น
ตัวละคร
Brunhilde พากย์เสียงโดย คุณ Sawashiro Miyuki
Zeus พากย์เสียงโดย คุณ Takagi Wataru
Shiva พากย์เสียงโดย คุณ Suzuki Tatsuhisa
Thor พากย์เสียงโดย คุณ Midorikawa Hikaru
Lu Bu พากย์เสียงโดย คุณ Seki Tomokazu
Adam พากย์เสียงโดย คุณ Saitou Souma
เรื่องย่อ
ในทุกหนึ่งพันปีเหล่าทวยเทพทั่วทุกมุมโลกได้เปิดการประชุมกันเพื่อหารือการดำรงอยู่ต่อไปของมนุษยชาติภายใต้การนำของ Zeus เทพแห่งโอลิมปัส นอกจากนี้ยังมีเทพนอร์ส เทพฮินดู และเทพต่าง ๆ อีกมากมายรวมตัวกัน ซึ่งทุกคนต่างมีมติเอกฉันท์ว่ามนุษย์ไม่ควรดำรงเผ่าพันธุ์อยู่อีกต่อไป เพราะมนุษย์ได้ล่วงเกินกันและกันและยังทำลายโลกเสียหายมากมายเหลือคณานับ ดังนั้นจะเป็นการดีต่อโลกหากกำจัดมนุษย์ทิ้งเสีย ในระหว่างที่การประชุมกำลังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน Brunhilde หนึ่งในวาลคิรีได้เสนอทางเลือกอื่น นั่นก็คือการใช้กฎ Ragnarok
แทนที่จะกำจัด สู้ให้โอกาสมนุษย์ได้ประลองตัวต่อตัวกับทวยเทพเพื่อความอยู่รอด เหล่าเทพต่างพากันหัวเราะเยาะอย่างไม่พอใจ และทะนงตนว่ามนุษย์จะสู้กับเหล่าเทพได้อย่างไร แต่เมื่อถูก Brunhilde กล่าวกระตุ้นว่าหรือเป็นเพราะเหล่าเทพกำลังหวาดกลัวมนุษย์อยู่ก็คงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ซึ่งทำให้ Zeus อดรนทนกับคำพูดเชิงเหยียดหยามไม่ได้ จึงตกลงที่จะเปิดศึก Ragnarok กับเหล่ามนุษย์ เพื่อให้พวกเขาดิ้นรนชะตาชีวิตของตัวเอง โดยคู่แรกที่จะตัดสินกันก็คือ Lu Bu ผู้เก่งกาจในตำนานสามก๊กและ เทพนอร์ส Thor เจ้าของค้อนโยเนียร์อันทรงพลัง
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
แม้จะถูกคาดหวังไว้สูงขนาดไหน แต่ผลงานที่ออกมากลับไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก ยิ่งการ์ตูนสายบู้ พลังต่อสู้รุนแรง ต้องอาศัยงานภาพที่คุณภาพสูงตาม แต่เหมือนทีมงานยังทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร เกิดเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์เป็นวงกว้างอย่างมาก แม้เนื้อเรื่องจะเต็มไปด้วยการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และเทพแต่อนิเมะกลับเลือกที่จะเล่าเรื่องราวภูมิหลังของตัวละครฝั่งมนุษย์อย่างยืดเยื้อจนความสนุกดรอปลง Record of Ragnarok ถูกวิจารณ์ตั้งแต่ตอนแรกยันตอนล่าสุด งานภาพมีความเผาราวกับผลงานต้นทุนต่ำ บางคนถึงกับบอกว่านี่มันไม่ใช่อนิเมะ แต่เป็นงาน Powerpiont หรือภาพเคลื่อนไหวไฟล์ .GIF เท่านั้น มีการรีฉากวนซ้ำไปมาอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหากจะดูเพื่อรับชมงานภาพ การระเบิดพลังมันๆ แล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าอาจจะต้องผิดหวัง
แต่อาจเป็นเพราะเนื้อหาของเรื่องมีเพียงแค่การต่อสู้และใช้พลังของแต่ละคน จึงทำให้ฝั่งมนุษย์มีภูมิหลังที่ต้องเล่าถึงอยู่พอสมควร ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วการแทรกเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครไม่ใช่สิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ที่ถูกติคือการใส่เข้ามาอย่างไม่สมดุล กล่าวคือ เนื้อหาเบื้องหลังเยอะกว่าการต่อสู้ที่ควรเป็น จึงทำให้อนิเมะที่ควรจะเป็นสายบู้สุดติ่งกลายเป็นอะไรที่ดูขาด ๆ เกิน ๆ ไปสักหน่อย แต่ใช่ว่าจะแย่ไปหมดเสียทีเดียว หลายคนเลือกที่จะมองงานภาพไปเสพแต่เนื้อหา ซึ่งก็สนุกและอินไปกับเรื่องราวได้พอสมควร
สรุป
อนิเมะฟอร์มยักษ์ที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงได้คะแนนจาก IMDb ไปเพียงแค่ 6.2 และ เว็บไซต์ Myanimelist อยู่ที่ 6.63 คะแนน เมื่อเทียบกับตัวมังงะที่ได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกแล้วก็ถือว่าดรอปลงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ไม่ได้มีจุดที่แย่ไปทั้งหมด หากคนที่ชอบเสพเนื้อเรื่องเป็นหลักการเล่าเบื้องหลังตัวละครอาจจะเป็นอะไรที่ทำให้อินกับเรื่องราวของตัวละครมากขึ้นได้ โดยคู่ที่ต้องต่อสู้กันทั้งหมดมีทั้งหมด 13 คู่ ตอนนี้ฉายถึงแค่ 3 คู่ ตัวต้นฉบับเองก็ยังไม่จบ แต่ไม่มีการประกาศทำซีซั่น 2 แต่อย่างใด อาจจะต้องคอยลุ้นกันในอนาคตและหวังว่าทาง Netflix จะทุ่มทุนในการผลิตมากขึ้น เพราะอนิเมะไม่ได้มีเพียงแค่การเคลื่อนไหวเท่านั้น งานภาพก็เป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้เรื่องราวอนิเมะสนุกสนานได้มากยิ่งขึ้น คำวิจาณ์และคะแนนที่ได้รับอาจทำให้เกิดการพัฒนาในภาคต่อไปก็เป็นได้
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> น้ำเต้าปูปลาออนไลน์