เดี๋ยวนี้ถ้าให้พูดถึงอนิเมะในดวงใจแล้วล่ะก็ เชื่อว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียวที่จะตอบว่า Kimetsu no yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูร ที่มีครบทุกรสชาติและเป็นที่กล่าวถึงในปัจจุบัน แม้แต่คนที่ไม่ได้ดูอนิเมะเป็นประจำยังรู้จักและเคยดูผ่านตากันมาบ้าง แฟชั่นที่นำมาจากเรื่องก็ถูกดัดแปลงเป็นสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ มากมาย ด้วยความแรงแซงทางโค้งแบบนี้จะไม่พูดถึงหรือแนะนำก็คงไม่ได้ สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ลิ้มลองเรื่องราวการต่อสู้อันแสนเข้มข้นระหว่างมนุษย์และอสูรแล้วล่ะก็ อยากให้ลองเปิดใจดูสักครั้ง แม้เนื้อเรื่องจะเดาทางได้บ้าง แต่ทว่างานภาพเทพเสียจนหากพลาดไปต้องเสียดายอย่างแน่นอน
Kimetsu no yaiba เป็นผลงานมังงะของอาจารย์ GOTOUGE Koyoharu หรือที่เรียกกันว่าอาจารย์เข้ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารมังงะรายสัปดาห์ Shuukan Shounen Jump ของสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง Shueisha ที่มีมังงะในสังกัดอยู่มากมาย โดยปัจจุบันออกรูปเล่มมาจนจบบริบูรณ์ทั้งหมด 23 เล่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนฉบับภาษาไทยแปลและจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมมิคในชื่อว่า ดาบพิฆาตอสูร ซึ่งออกมาครบทั้ง 23 เล่มแล้วเช่นกัน
เวอร์ชั่นอนิเมะถูกนำไปผลิตโดยสตูดิโอ ufotable หรือที่เรียกกันว่าจานบิน เคยมีผลงานให้ประจักษ์มาแล้วอย่างซีรีส์ Fate/Zero และ Fate/stay night Movie: Heaven’s Feel ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เชื่อมั่นได้ว่าผลงานของสตูดิโอนี้จะต้องออกมาเนี้ยบและสวยงามอย่างแน่นอน โดย Kimetsu no yaiba ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ภาคด้วยกัน คือภาคแรก จำนวน 26 ตอน ภาคมูฟวี่ 1 ตอน และภาคสองที่กำลังฉายอยู่ปัจจุบัน ภายใต้ฝีมือการกำกับของ Kondou Hikaru และ Sotozaki Haruo ฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2019 และได้ LiSA นักร้องอนิซองชื่อดังเป็นผู้ร้องเพลงเปิดจนติดหูทั่วบ้านทั่วเมืองให้อีกด้วย
ตัวละคร
Kamado Tanjirou พากย์เสียงโดยคุณ Hanae Natsuki
Kamado Nezuko พากย์เสียงโดยคุณ Kitou Akari
Agatsuma Zenitsu พากย์เสียงโดยคุณ Shimono Hiro
Hashibira Inosuke พากย์เสียงโดยคุณ Matsuoka Yoshitsugu
เรื่องย่อ
หลังจากที่พ่อได้เสียชีวิตไป ทำให้ Kamado Tanjirou พี่ชายคนโตของครอบครัวเป็นเสาหลักหาเลี้ยงทุกคนด้วยการลงจากเขาไปขายถ่านในหมู่บ้าน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ Tanjirou รู้สึกว่าตนลำบากเลยสักนิด ตรงกันข้าม การที่ได้อยู่กับครอบครัวคนสำคัญของเขานับว่าเป็นความสุขที่เขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน และสิ่งที่มักพรากความสุขไปมักมีกลิ่นคาวเลือดอยู่เสมอ วันธรรมดาที่แสนเรียบง่ายของ Tanjirou กลับกลายเป็นวันแห่งความโชคร้ายที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ด้วยความที่อยากให้น้อง ๆ มีอาหารกินเต็มอิ่มในช่วงปีใหม่ Tanjirou จึงลงเขาไปขายถ่านในวันที่ยังมีหิมะคลุมหนา นอกจากจะขายถ่านแล้ว Tanjirou ยังมีน้ำใจช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ กับชาวบ้านอยู่เป็นประจำทำให้วันนี้เขากลับดึกกว่าที่คิด ทว่าระหว่างทางจะขึ้นเขาเพื่อนบ้านอย่าง Saburo ได้เรียกให้ Tanjirou ค้างที่บ้านของตน โดยให้เหตุผลว่า กลางคืนไม่ควรออกไปไหน เพราะจะถูกอสูรจับกิน
Tanjirou ออกเดินทางเช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น ทว่ายิ่งใกล้บ้านเท่าไหร่เขากลับได้กลิ่นคาวเลือดมากเท่านั้น และนั่นทำให้ Tanjirou ได้พบว่าครอบครัวของเขาถูกสังหารจนหมด เหลือเพียง Nezuko ที่ยังคงตัวอุ่นอยู่ เขาจึงนำร่างของน้องสาวขึ้นหลังวิ่งลงเขาเพื่อไปหาหมอ ทว่า Nezuko กลับตื่นขึ้นมากลายเป็นอสูรที่พยายามทำร้ายตนเอง ประจวบเหมาะกับที่ Tomioka Giyuu หน่วยพิฆาตอสูรได้ปรากฎตัวขึ้นหมายจะกำจัด Nezuko ทิ้ง
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
เอาจริง ๆ เรื่องนี้คาดว่าคงจะมีคนดูไปเยอะแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูขอบอกว่าไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง หลายคนอาจจะเอียนกับกระแสที่มีมากจนเกินไป หรือกองอวยที่อวยสุดลิ่มทิ่มประตูจนพานไม่อยากเปิดดู แต่ลองลบอคติออกแล้วลองเปิดใจดูสักครั้ง ในส่วนของเนื้อเรื่องส่วนตัวยอมรับว่าไม่ได้แปลกใหม่อะไรมาก เพราะอสูร หรือยักษ์ เป็นของคู่บุญกับการ์ตูนญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน การเดินเรื่องไม่ได้คาดเดายากตามสไตล์การ์ตูนโชเน็น แต่สิ่งที่แตกต่างของเรื่องนี้ก็คือการใส่ความเป็นดราม่าลงไป สูญเสียจริง ตายจริง ไม่มีสแตนด์อินอะไรทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากการ์ตูนโชเน็นที่ตีพิมพ์ในจัมป์อยู่พอสมควร และเพราะการสูญเสียสุดแสนจะดราม่านี้ทำให้คนอ่านยิ่งดึงอารมณ์ร่วมออกมาได้มากขึ้น ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จเลยทีเดียว
ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วส่วนตัวมองว่างานภาพของเรื่องนี้ต่างหากที่เป็นจุดขายและจุดแข็งอย่างแท้จริง ไม่นับกับเพลงประกอบที่ได้นักร้องชื่อดังอย่าง LiSA มาทำการขับร้องให้อีกด้วย สตูดิโอ ufotable มีความเทพในเรื่องงานภาพมาตั้งแต่ซีรีส์ Fate และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนน่าขนลุก รวมไปถึงการเรียบเรียงเรื่องราวให้ต่อเนื่องอย่างลื่นไหลอย่างไม่มีสะดุด จะเห็นว่าเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ ทั้งแอคชั่น ความดราม่า มิตรภาพ รวมไปถึงความตลกของตัวละคร ทำให้กลมกล่อมเข้ากันอย่างลงตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงประทับใจใครหลายคนในเวลาอันรวดเร็ว
สรุป
อนิเมะแห่งปีแบบนี้ขอบอกเลยว่าคะแนนที่ได้ไม่ใช่เล่น ๆ เลยเช่นกัน เว็บไซต์ Myanimelist ให้คะแนนสูงมากถึง 8.57 และ IMDb สูงถึง 8.7 คะแนนด้วยกัน ท็อปฟอร์มทุกสำนัก ที่ไทยเองก็นำมาฉายในหลายแพลตฟอร์มและหลายแอพพลิเคชั่น ไม่ว่าจะเป็น IQIYI, Netflix, AIS play, LINETV ใครสะดวกอันไหนลองเข้าไปติดตามรับชมกันได้ หรือจะดูซ้ำก็ได้ไม่ว่ากัน สล็อต pg เว็บตรง
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ