น้อยนักที่จะเห็นการ์ตูนที่พูดถึงกีฬายิมนาสติก แล้วยิ่งที่เป็นออริจินัลอนิเมะนับว่าหาได้ยากมากเช่นกัน จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าบทต้องดีแค่ไหนถึงกับยอมลงทุนผลิตอนิเมะนอกกระแสแบบนี้ แต่เมื่อลองเปิดดูตั้งแต่ตอนแรกจนตอนสุดท้ายต้องบอกเลยว่าขอบคุณที่ตัดสินใจลองกดดู เพราะพบว่าเนื้อหาและเรื่องราวของอนิเมะเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ แม้โปสเตอร์ของเรื่อง และเพลงเปิดสุดแหวกแนวนั้นจะชวนให้เข้าใจว่าเป็นอนิเมะแก๊กก็ตาม ทั้งที่เนื้อหาชวนอบอุ่นและตื้นตันเสียเหลือเกิน จนต้องมาแนะนำต่อให้รีบไปหาเปิดดูอย่างด่วน
Taisou Zamurai หรือซามูไรยิมนาสติก เป็นผลงานการเขียนบทของ Murakoshi Shigeru ที่เคยมีผลงานการเขียนบทจากเรื่อง Dororo และ Kakegurui ผลิตโดยสตูดิโอ MAPPA ที่เคยผลิตผลงานอันสุดโด่งดังอย่าง Jujutsu Kaisen และ Shingeki no Kyojin: The Final Season ภายใต้การกำกับของ Shimizu Hisatoshi ฉายตอนแรกในวันที่ 11 ตุลาคม ปี 2020 โดยมีทั้งหมด 11 ตอนจบ ความยาวตอนละประมาณ 23 นาที และการจำกัดเรทของเรื่องอยู่ที่ PG-13 เท่านั้น ตอนนี้สามารถรับชมแบบซับไทยได้ที่ Netflix ที่เดียว
ตัวละคร
Aragaki Joutarou พากย์เสียงโดย คุณ Namikawa Daisuke
Leonardo Sturges พากย์เสียงโดย คุณ Ono Kensho
Aragaki Rei พากย์เสียงโดย คุณ Honizumi Rina
Amakusa Noriyuki พากย์เสียงโดย คุณ Horiuchi Kenyuu
Aragaki Mari พากย์เสียงโดย คุณ Tanaka Atsuko
เรื่องย่อ
Aragaki Joutarou นักกีฬายิมนาสติกที่สร้างชื่อให้กับประเทศญี่ปุ่นมาโดยตลอด จนได้รับฉายาว่า ซามูไร เขาเป็นเหมือนความฝันและความหวังของคนทั้งประเทศ ทว่าจุดพลิกผันเส้นทางนักกีฬาของเขากลับต้องมาได้รับอาการบาดเจ็บที่หัวหลังหลังจากที่ภรรยาเสียชีวิต ตั้งแต่นั้น Aragaki Joutarou จึงทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่เขายังคงดำเนินเส้นทางของมืออาชีพดันทุรังมาเรื่อย ๆ จนกระทั่ง 5 ปีให้หลัง เขาฟอร์มตกอย่างรุนแรง จนเป็นเหตุโค้ชส่วนตัว Amakusa Noriyuki ถึงกับเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาให้เขาตัดสินใจวางมือจากการเป็นนักกีฬาเสียที
ทว่าสิ่งที่ขับเคลื่อนในชีวิตของ Aragaki Joutarou มีเพียงยิมนาสติกที่เขาถนัดเท่านั้น เขานึกไม่ออกเลยว่าหลังจากเลิกเป็นนักกีฬาอาชีพแล้วตนจะทำอะไรต่อไป การผันตัวไปเป็นโค้ชอาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ในใจกลับยังรู้สึกขัดแย้ง Aragaki Joutarou พาลูกสาววัยเก้าขวบ Aragaki Rei ไปเที่ยวไปหมู่บ้านนินจาด้วยความรู้สึกที่ค้างคาใจแบบนั้น เขาไม่กล้าบอกลูกสาวเรื่องที่ถูกขอให้ออกจากการเป็นนักกีฬา และความคาดหวังของลูกสาวทำให้เขาทำใจลำบากที่จะเอ่ยมันออกไป
หลังจากกลับจากหมู่บ้านนินจาสองพ่อลูก Aragaki ก็พบว่ามีคนแอบตามมาถึงที่บ้านด้วย นั่นก็คือ Leonardo Sturges เขาได้ขอพักอาศัยอยู่บ้าน Aragaki เพราะกำลังมีคนกำลังไล่ล่าตนอยู่ Leonardo ชื่นชอบ Aragaki Joutarou มาตั้งแต่สมัยเด็ก เขามักจะสรรเสริญนักกีฬาฟอร์มตกคนนี้อยู่เสมอ Leonardo มักตามเขาไปทุกที่แม้กระทั่งยิมที่ไปฝึกซ้อมบ่อย ๆ และบางอย่างในตัว Leonardo ได้จุดประกายบางอย่างให้กับ Aragaki Joutarou เขานึกถึงสมัยตอนที่ตนยังเป็นนักกีฬาอันโด่งดัง สมัยที่ทั้งภรรยาและลูกสาวต่างภาคภูมิใจกับชัยชนะของเขา ความทรงจำเกี่ยวกับยิมนาสติกเข้ามาในหัวอย่างไม่สิ้นสุด จนกระทั่งวันที่ต้องแถลงข่าวถอนตัวออกจากการเป็นนักกีฬาอาชีพนั้น Aragaki Joutarou ได้ประกาศก้องอย่างชัดเจนว่าตนจะไม่ยอมถอนตัว และจะยังเป็นนักกีฬายิมนาสติกต่อไป
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
เรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ ทั้งครอบครัว ความฝัน รวมไปถึงเพื่อน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แม้เป็นเพียง 11 ตอนสั้น ๆ แต่สามารถเล่ารายละเอียดของตัวละครได้อย่างตรงเป้าและตรงจุดจนรู้สึกอินและอยากเอาใจช่วย เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ Aragaki Joutarou จะต้องต่อสู้กับสภาพร่างกายที่เริ่มโรยรา เขายังมีคู่แข่งสำคัญที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ฝีมือร้ายกาจอีกด้วย ราวกับว่า Aragaki Joutarou สู้กับอดีตของตนเพื่อทำลายสถิติ สู้กับปัจจุบันด้วยสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยและต้องฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ และสู้กับอนาคตที่ทยอยตบเท้าเข้ามาเป็นความหวังของชาติ รวมไปถึงปมปัญหาของพ่อหนุ่มที่ตามติดมาตั้งแต่ช่วงแรกอย่าง Leonardo เขามาจากไหน เป็นใคร อย่างไร และทิศทางที่เขาจะไป สื่อให้เห็นว่าแม้จะมีความฝัน แต่ไม่ใช่มีเพียงแค่ความปรารถนาเท่านั้นที่จะไปให้ถึงได้ ร่างกาย จิตใจ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้บรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการ
ในส่วนของงานภาพแม้จะไม่ได้เนี้ยบมาก บางส่วนโดยเฉพาะฉากที่เล่นยิมนาสติกที่ใช้ 3d นั้นยังดูไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต ไม่ทำให้การดูติดขัดแต่อย่างใด ทั้งเพลงเปิดและเพลงปิดได้นักพากย์ของเรื่องมาช่วยขับร้องให้ ซึ่งดูแล้วแอบมีความไม่ค่อยเข้ากับธีมเรื่องเท่าไหร่เลย เหมือนไม่ได้นัดกันมา แต่โดยรวมแล้วไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก และจุดขายของเรื่องอยู่ที่เนื้อหาเสียมากกว่า
สรุป
เรื่องนี้ได้คะแนนจาก IMDb ไป 7.5 คะแนน ส่วนเว็บไซต์ Myanimelist ได้ไป 7.25 คะแนน อาจเป็นเพราะเนื้อเรื่องไม่ค่อยแมสเท่าไหร่ แต่ได้เท่านี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ดูแล้วรู้สึกได้รับแรงบันดาลใจบางอย่างในการใช้ชีวิต จนกลับไปมองความฝันที่ตัวเองเคยมี เอาจริง ๆ เรื่องมันไม่ได้ธีมหม่น ธีมเศร้า แต่แทบจะเป็น Slice of life เลยทำให้คนดูรู้สึกไม่ค่อยสุด แต่ส่วนตัวคิดว่าหากมีเวลาว่างควรลองเปิดใจดูสักครั้ง และจะรู้สึกว่าเราพลาดอนิเมะดีๆ แบบนี้ไปได้ยังไง