ย้อนไปเมื่อสักสิบกว่าปีก่อน คออนิเมะเก่าแก่หลายคนคงรู้จักกับเกมที่มีชื่อว่า Higurashi no Naku Koro ni ที่เขียนเรื่องขึ้นโดย Ryukishi07 ผู้เป็นตำนานสร้างสรรค์เรื่องราวเกมสุดหลอนมาหลาย ๆ เรื่อง และแว่วเสียงเรไรนี้เองก็เป็นผลงานอันสร้างชื่อของเขาอีกเรื่องหนึ่ง ขอบอกเลยว่าความหลอนเมื่อครั้งดูเวอร์ชั่นอนิเมะปี 2006 ตอนนั้นยังคงติดตาอยู่ ไม่กล้าดูคนเดียวในที่มืด มันหลอนกันถึงขั้นนั้นเลยทีเดียว และความหลอนนั้นก็ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งในปี 2020 ด้วยลายเส้นที่ดูทันสมัยขึ้นกว่ามาก และยังคงรีดเร้นเอาความหลอนเดิมที่มีมาจนครบ
Higurashi no Naku Koro ni เป็นเกมพีซีที่ออกมาแล้วหลายภาค โดยภาคแรก Onikakushi-hen จำหน่ายเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2002 ด้วยความที่จำหน่ายในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นจึงทำให้เรื่องราวของเกมจึงเป็นหน้าร้อนไปด้วย ยิ่งทำให้อินกับเนื้อหามากขึ้น หลังจากนั้นก็มีบทอื่น ๆ ตามมาอีกสามบท โดยภาคสุดท้าย Himatsubushi-hen จำหน่ายเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ในปี 2004 ซึ่งก็ยังคงคอนเซปต์ฤดูร้อนไม่เปลี่ยน ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2006 และในปี 2020 ถูกรีเมคโดยสตูดิโอ Passione ที่เคยสร้างผลงานมาแล้วอย่าง Citrus และ Ishuzoku Reviewers ฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2020 จำนวนทั้งสิ้น 24 ตอนด้วยกัน
ตัวละคร
Maebara Keiichi พากย์เสียงโดย คุณ Hoshi Souichirou
Ryuuguu Rena พากย์เสียงโดย คุณ Nakahara Mai
Sonozaki Mion พากย์เสียงโดย คุณ Yukino Satsuki
Furude Rika พากย์เสียงโดย คุณ Tamura Yukari
Houjou Satoko พากย์เสียงโดย คุณ Kanai Mika
เรื่องย่อ
ในปีโชวะที่ 58 ด้วยเหตุผลทางบ้าน ทำให้ Maebara Keiichi ต้องย้ายจากในโตเกียวมาอาศัยอยู่หมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างไกลความเจริญอย่างฮินามิซาวะแห่งนี้ แม้จะเป็นบ้านนอกที่แทบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ซ้ำยังถูกแยกออกมาจากในเมืองอย่างมากจนแทบจะกลายเป็นหมู่บ้านปิดตายแล้วนั้นสำหรับ Keiichi แล้วก็ยังคงรู้สึกสนุกไปด้วยกันกับมันทุกวัน เพราะเขามีเพื่อนที่ดีอยู่รอบข้าง พวกเขาเป็นทั้งเพื่อนร่วมชั้น รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพราะในโรงเรียนประจำหมู่บ้านมีนักเรียนเพียงไม่กี่คน และทุกระดับชั้นต้องเรียนรวมด้วยกันหมด ทำให้ Keiichi สนิทกับพวกเธอมากขึ้น พวกเขาเล่นบ้าบอด้วยกันทุกวี่ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่ Keiichi บังเอิญไปได้ยินเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหนึ่งของหมู่บ้านเข้า ตั้งแต่นั้นมาเขาก็รู้สึกว่าเพื่อนรอบตัวของเขานั้นค่อย ๆ เปลี่ยนไป
Keiichi รู้สึกว่าคดีที่เคยเกิดขึ้นนั้นสร้างกวนใจเขาอยู่มาก ซ้ำยังรู้สึกถึงสายตาที่จับตามองดูเขาทุกฝีก้าว เพื่อนรอบตัวก็ไม่มีใครพูดถึงและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันเวลาผ่านไปพร้อมกับเทศกาลประจำหมู่บ้านก็ได้ถูกจัดขึ้นที่ศาลเจ้า เป็นเทศกาลลอยนุ่นเพื่อรำลึกถึงเทพโอยาชิโระที่คอยปกป้องหมู่บ้านเสมอมา แต่ทว่าหลังจากผ่านเทศกาลนี้ไป วันรุ่งขึ้นตำรวจสอบสวนได้มาหา Keiichi ถึงที่โรงเรียนพร้อมถามหาช่างภาพ Tomitake ได้หายตัวไป Tomitake คือคนที่เคยบอกเรื่องราวคดีฆาตกรรมของหมู่บ้านฮินามิซาวะให้เขาฟัง และเล่าถึงคำสาปที่คนตายติดต่อกันมาหลังเทศกาลเป็นเวลาสี่ปีแล้ว และครั้งนี้ตำรวจจึงคิดว่า Tomitake น่าจะเป็นรายต่อไป
Keiichi รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของหมู่บ้านและคนรอบตัว ยิ่งเขาให้ความร่วมมือกับตำรวจในการสืบคดี Ryuuguu Rena เพื่อนที่เขาสนิทที่สุดก็ยิ่งแปลกไป ราวกับว่าทุกคนไม่อยากให้เขาขุดคุ้นคดีไปมากกว่านี้
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
เรื่องนี้ถือว่าเป็นตำนานของอนิเมะสยองขวัญที่ขึ้นหิ้งของใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว แม้จะไม่ได้เล่นเกม แต่ตอนที่ฉายเป็นอนิเมะเมื่อปี 2006 นั้นก็ยังคงตราตรึงใจอยู่มาก ส่งผลให้ซีรีส์หลัง ๆ ของ Ryukishi07 เองก็ได้รับความนิยมมากไปด้วย แต่ถ้าพูดถึงเฉพาะภาคที่รีเมคแล้วล่ะก็ ส่วนตัวมองว่า เวอร์ชั่น 2020 ยังทำได้ไม่ดีเท่ากับเวอร์ชั่นเดิม แม้งานภาพจะดีขึ้นกว่ามาก แต่เพราะเป็นเมะปัจจุบันทำให้โทนและสีค่อนข้างสดใสกว่าของเดิม เลยทำให้ความหลอนที่เคยมีในปี 2006 เหลือน้อยลง บวกกับเวอร์ชั่น 2006 กว่าจะเฉลยตัวตนริกะก็ปาไปเกือบท้ายแล้ว กว่าจะเฉลยก็ไปค่อนข้างไกลมาก
สิ่งที่มีเสน่ห์ของปี 2006 คือการดึงเอาบทจบแบบแบดเอนด์ของเกมมาเรียงร้อยเป็นตอนยาว ซึ่งกว่าเราจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดก็ต้องดูกันจนจบ แน่นอนว่าเมื่อทำรีเมคก็ย่อมมีการเปรียบเทียบ การเปรย ๆ เรื่องราวของริกะไว้ตั้งแต่ตอนที่สองมันดูค่อนข้างเร็วเกินไป และทำให้ปริศนาไม่บ่มเพาะเต็มที่ เลยทำให้เมื่อถูกเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นเดิมแล้วนั้น ยังไงของปี 2006 ก็ยังคงดูมีภาษีที่ดีกว่า
สรุป
เพราะแฟน ๆ เดิมที่ผิดหวังด้วยส่วนหนึ่ง เลยทำให้เว็บไซต์ Myanimelist จบคะแนนของเวอร์ชั่นนี้อยู่ที่ 7.2 และ IMDb อยู่ที่ 7.0 ข้อดีของเวอร์ชั่น 2020 คือเราจะเห็นตัวละครที่เคลื่อนไหวได้สมูทขึ้น แสดงสีหน้าได้โอเคขึ้น แต่ในแง่ของการเล่าเรื่องรู้สึกว่ายังไม่ผ่าน แต่ในแง่ของคนที่ไม่เคยดูมาก่อนส่วนใหญ่ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าทำออกมาได้ดี และไม่ได้พุ่งไปที่การเปรียบเทียบเป็นหลัก สำหรับใครที่เคยรับชมแล้วหรือยังไม่เคย สามารถหาดูได้ที่ Netflix ขอบอกว่ามีทั้งสองเวอร์ชั่น ทั้งปี 2006 และ ปี 2020 เลยล่ะ สล็อตออนไลน์