แม้จะไม่เป็นที่ถูกพูดถึงมากนักสำหรับ Kai Byoui Ramune หรือ คุณหมอประหลาดรามุเนะ แต่ขอบอกเลยว่าในส่วนของเนื้อหานั้นดีมากอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคุณหมอและโรคภัยไข้เจ็บ ทว่าไม่ใช่หมอธรรมและโรคภัยทั่วไป แต่กลับเป็นโรคประหลาดที่เกิดจากความเครียดของมนุษย์ เมื่อความเครียดสะสมก็มักนำพาสิ่งประหลาดเข้าสู่ตัวจนกลายเป็นโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งหมอทั่วไปคงจะรักษาไม่ได้ จำเป็นต้องพึ่งพาหมอเฉพาะทางอย่างคุณหมอ Ramune
Kai Byoui Ramune เป็นมังงะของอาจารย์ TORO Aho ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Shounen Sirius ของสำนักพิมพ์ Kodansha ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 เล่มจบเรียบร้อยแล้ว ในส่วนภาษาไทยยังไม่มีสำนักพิมพ์ไหนซื้อลิขสิทธิ์ตีพิมพ์ไป อาจเพราะกระแสที่ไม่ได้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างมากนัก แต่เหล่าคออนิเมะคอมังงะเองก็คาดหวังว่าจะมีใครนำเข้ามา ฉบับอนิเมะถูกสร้างโดยสตูดิโอ Platinum Vision ที่เคยมีผลงานมาแล้วอย่าง Servamp และ Kono Oto Tomare! ฝีมือการกำกับของ Ooba Hideaki ฉายเมื่อฤดูหนาวปี 2021 หรือเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีจำนวนตอนทั้งหมด 12 ตอน
ตัวละคร
Ramune พากย์เสียงโดย คุณ Uchida Yuuma
Kuro พากย์เสียงโดย คุณ Nagatsuka Takuma
Ayame พากย์เสียงโดย คุณ Ueda Kana
Nico พากย์เสียงโดย คุณ Okamoto Nobuhiko
Momiji พากย์เสียงโดย คุณ Suwabe Junichi
เรื่องย่อ
ตอนแรกเปิดฉากด้วยนักแสดงเด็กหญิงคนหนึ่ง Koto ที่จู่ ๆ วันหนึ่งเกิดมีมายองเนสไหลออกจากตาแทนที่จะเป็นน้ำตาของเธอ สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แม้จะไปหาหมอกี่คนต่อกี่คนพวกเขาต่างจนปัญญาและพากันคิดว่า Koto โกหกเพื่อเรียกร้องความสนใจ จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่กลับจากคลินิก Koto ได้พบกับเด็กหนุ่มชุดนักเรียนสีดำ เขาเอ่ยปากแนะนำคุณหมอที่จะรักษาโรคประหลาดให้เธอได้ และคนนั้นก็คือคุณหมอ Ramune เป็นคุณหมอที่ไม่ค่อยสมกับเป็นคุณหมอมากนัก เขาดูเด็กเกินไป อีกทั้งยังมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย กลับกันเด็กผู้ชายที่อยู่เคียงข้างเขายังสุขุมมากกว่า และการรักษาของ Koto ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เรื่องราวของคุณหมอประหลาดส่วนใหญ่มักเป็นตอนเดียวจบ มีคนไข้แต่ละคนมาขอให้ช่วยคลี่คลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นน้องชายกลายเป็นจิคุวะ เล็บกลายเป็นพริก มีป๊อบคอร์นออกมาจากศีรษะ ซึ่งสาเหตุเหล่านั้นมักมาจากความเครียดจากการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งการรักษาของคุณหมอเองค่อนข้างสุดโต่งไปนิด เรียกว่าช่วยตบเรียกส่วนประสาทส่วนบนให้ตื่นตัว และเรียกสติกลับมาก็คงได้ โดยมีผู้ช่วยอย่าง Kuro คอยดูแลคนไข้เหล่านั้นอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งช่วงท้ายจึงเอ่ยถึงเรื่องราวที่ Kuro ได้มาช่วยงานที่คลินิกแห่งนี้กับคุณหมอ Ramune เป็นการพบกันอย่างไม่ค่อยน่าประทับใจนัก และความเชื่อถือของ Ramune เองก็ต่ำเตี้ยเสียเหลือเกิน แต่เรื่องราวบทสรุปกลับกินใจจนรู้สึกว่า 12 ตอนแอบน้อยไปอย่างไรชอบกล
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
ถึงจะเป็นแนวเรื่องจะไปทางลึกลับและแฟนตาซีนิด ๆ แต่การดำเนินเรื่องกลับไม่หวือหวาเท่าไหร่ ตรงกันข้าม ออกแนว Slice of life ของคนรอบตัวคุณหมอ Ramune เสียมากกว่า จึงไม่แปลกใจที่เรื่องนี้จะไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อหาแต่ละตอนกลับแฝงความคิดให้ได้หวนคิดย้อนมาถึงตัวเอง อย่างเช่นตอนของพ่อหนุ่มจิคุวะที่มีเหตุให้ตัวเองไม่สามารถใช้งานน้องชายได้เพราะผลพวงมาจากความเจ้าชู้ของตนที่นอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้า คบซ้อนไม่รู้กี่คนต่อกี่คน และสิ่งที่เป็นกิมมิกของเรื่องนี้คือโรคประหลาดที่เกิดขึ้นมักทำให้ส่วนหนึ่งของร่างกายกลายเป็นของกินแบบใดแบบหนึ่ง และในแต่ละตอนจะแทรกฉากการรับประทานอาหารซึ่งจะนำอาหารที่กลายเป็นโรคของคนไข้ในแต่ละตอนนั้นมาทำเป็นเมนูอาหาร เป็นจุดสังเกตน่ารัก ๆ สำหรับคนช่างสังเกต ดังนั้นหากจะหาความตื่นเต้น ความน่ากลัว บรรยากาศลึกลับแล้วล่ะก็เรื่องนี้คงตอบโจทย์ได้ไม่มากนัก การสืบสวนสอบสวนก็ไม่ได้เข้มข้นถึงขั้นต้องลุ้นว่าใครคือคนร้ายอีกด้วย แต่ถ้าหากอยากดูอะไรที่แปลกใหม่ มีคติการใช้ชีวิตต่อคนรอบข้าง เพื่อน หรือครอบครัวแล้วแนะนำเป็นอย่างมาก ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นการนำเสนอความเครียดของสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันออกมาในรูปแบบโรคประหลาดเสียมากกว่า ใครที่มีเวลาว่างและไม่รู้จะดูอะไร เรื่องนี้ก็พอจะช่วยฆ่าเวลาได้ดีมากเลยทีเดียว
สรุป
เพราะเรื่องนี้ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงเท่าไหร่นัก จึงทำให้คะแนนในเว็บ IMDb ได้ไปเพียง 6.9 คะแนน ในขณะที่เว็บไซต์อย่าง Myanimelist ก็ยังให้มากกว่ากันเพียงแค่ 7.17 เท่านั้น ซึ่งเป็นเรทที่ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก ทว่าส่วนตัวกลับมองว่าเรื่องนี้มีคุณค่าในตัวของมัน ทิศทางสำหรับคนที่ดูมักบอกว่าให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี แม้บางเรื่องจะเกินความจริงไปหน่อยก็ตาม อีกอย่างเรื่องนี้ถูกใจสำหรับสาววายไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะตัวละครเอกที่เป็นผู้ชายทั้งคู่เขาดูรักและห่วงกันมากจนอดที่จะจิ้นไม่ได้ และเพลงปิดอย่าง Arcacia ขับร้องโดย Saji ความหมายก็เพราะและเหมือนกลั่นกรองออกมาจากทั้งคู่อีกด้วย ใครที่ต้องการติดตามสามารถรับชมได้ที่ Youtube ช่อง Muse Thailand ได้เลยจ้า