การ์ตูนพระเอกสายเติมทรูแบบเก่งเทพได้โดยไม่ต้องฝึกฝนก็คงมีอยู่ไม่น้อย แต่เรื่องที่กลับชาติมาเกิดแล้วยังมีพลังเวทมนตร์อยู่ครบก็คงไม่อยู่ไม่กี่เรื่อง ดังเช่น Maou Gakuin no Futekigousha หรือ ใครว่าข้าไม่เหมาะเป็นจอมมาร ทั้งที่ปูมาเป็นตัวละครที่มีพลังโดดเด่นและเก่งกาจทั้งทีแต่กลับถูกไม่เห็นค่าซะนี่ เลยทำให้เรื่องนี้มีไทม์ไลน์ที่ค่อนข้างน่าสนใจอยู่ไม่น้อย สายเวทมนตร์ แฟนตาซี และเน้นฉากต่อสู้อันสุดหวือหวา พร้อมกับปมเรื่องราวที่น่าสนใจ จึงไม่แปลกใจที่เรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามอง
Maou Gakuin no Futekigousha ต้นฉบับดั้งเดิมเป็นไลท์โนเวลจากปลายปากกาของอาจารย์ Shuu วาดภาพประกอบโดยอาจารย์ Shizuma Yoshinori ตีพิมพ์ให้กับสำนักพิมพ์ Ascii Media Works ปัจจุบันออกมาแล้วทั้งหมด 11 เล่มยังไม่จบ ในส่วนฉบับภาษาไทยนั้นได้ลิขสิทธิ์แปลและจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ PHEONIX ในชื่อเรื่อง ใครว่าข้าไม่เหมาะเป็นจอมมาร และถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอ SILVER LINK. ที่เคยผลิตผลงานมาแล้วอย่าง Fate/kaleid liner Prisma☆Illya และ Hamefura ภายใต้การกำกับของ Oonuma Shin มีทั้งหมดจำนวน 13 ตอน ฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2020 หรือฤดูร้อนนั่นเอง
ตัวละคร
Anos Voldigoad พากย์เสียงโดย คุณ Suzuki Tatsuhisa
Misha Necron พากย์เสียงโดย คุณ Kusunoki Tomori
Sasha Necron พากย์เสียงโดย คุณ Natsuyoshi Yuuko
Lay Glanzudlii พากย์เสียงโดย คุณ Terashima Takuma
เรื่องย่อ
หลังจากที่สงครามต่อเนื่องระหว่างจอมมารและมนุษย์ได้มาถึงจุดตัดสิน ความเบื่อหน่ายของจอมมารอย่าง Anos จึงตัดสินใจยุติสงครามนี้ด้วยการใช้เวทมนตร์ที่มีอยู่ในการชดใช้ความเสียหายของสงครามนี้ให้หมดจด แบ่งเขตแดนระหว่างมนุษย์และเผ่าปีศาจอย่างชัดเจน ทำให้เขาต้องหลับใหลยาวนาน โลกกลับมามีสันติสุขอีกครั้ง สองพันปีต่อมา Anos ได้มาเกิดใหม่แล้วพบว่าเผ่าพันธุ์ของตนอ่อนแอลงอย่างขีดสุด อีกทั้งประวัติศาสตร์ก็ถูกบิดเบือนไปจนหมดสิ้น ขนาดชื่อจอมมารเช่นเขายังกลายเป็นชื่อใครไม่รู้ ทำให้เขาตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนจอมมารที่มีไว้เพื่อรอการกลับมาเกิดใหม่ของจอมมาร แม้จะการสอบจะผ่านไปได้ด้วยดี Anos แสดงพลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทว่าหลังจากประเมินการทดสอบพลังเขากลับได้สัญลักษณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในโรงเรียน นั่นก็คือสัญลักษณ์ของผู้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นจอมมาร
โรงเรียนแห่งนี้ถูกแบ่งแยกนักเรียนออกเป็นสองประเภทด้วยเครื่องแบบสีขาวและสีแดง กลุ่มนักเรียนเครื่องแบบสีขาวคือนักเรียนที่มีเลือดผสม จะไม่มีสิทธิพิเศษ ซ้ำยังถูกมองเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ์เข้าชิงตำแหน่งจอมมารด้วยซ้ำ ในขณะที่นักเรียนเครื่องแบบสีแดงแสดงถึงความเป็นสายเลือดแท้ และมีความเข้าใกล้การเป็นจอมมารมากที่สุด นั่นทำให้โรงเรียนมีการแบ่งแยกชนชั้นระหว่างเหล่านักเรียนด้วยกันเอง ทั้งเครื่องแบบชุดขาว ทั้งสัญลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นจอมมาร ทำให้ Anos ถูกมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม มีเพียง Misha ที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอมา Anos จึงตั้งเป้าหมายว่าจะยึดครองโรงเรียนนี้และกลับมาเป็นจอมมารเหมือนเดิมให้จงได้
เมื่อการทดสอบแรกมาถึง Anos จำเป็นต้องทดสอบรบกับกลุ่มของเชื้อพระวงศ์อย่าง Sasha Necron ผู้เป็นพี่น้องกับ Misha Necron แต่ด้วยเหตุผลทางตระกูลจึงทำให้สองพี่น้องแยกกันอยู่และไม่พูดคุยกัน กลุ่มของ Anos ที่มีเขาและ Misha สามารถเอาชนะกลุ่มของ Sasha ที่เป็นเครื่องแบบชุดแดงทั้งกลุ่มมาได้อย่างง่ายดาย และนั่นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันหมางเมินของพี่น้องคู่นี้
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
หากใครที่ยังไม่เบื่อเรื่องราวในรั้วโรงเรียนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และความแฟนตาซีล่ะก็ ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้ ครั้งนี้ธีมหลักไม่ใช่การเป็นผู้กล้า หรือเป็นจอมเวทย์อันยิ่งใหญ่ หากแต่เป็นจอมมารศัตรูของมนุษยชาติ แม้ปูเรื่องค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่น แต่เนื้อเรื่องข้างในก็ยังดูเป็นสูตรสำเร็จของการ์ตูนแนวโรงเรียนแฟนตาซีอยู่ไม่น้อย หากแต่ตัวเอกกลายเป็นจอมมารกลับชาติมาเกิดแถมยังมีพลังอื่น ๆ ครบอีกต่างหาก จนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงถูกจัดว่าเป็นผู้ไม่เหมาะสมไร้คุณสมบัติที่จะเป็นจอมมารไปเสียนี่ อาจเป็นเพราะไม่ได้อ่านฉบับนิยายมาก่อนจึงไม่แสดงรายละเอียดดังกล่าวเลยทำให้เมื่อดูแล้วเกิดความข้องใจจุดนี้ไม่น้อย ซึ่งความยากของนำไลท์โนเวลมาทำเป็นอนิเมะคือการเก็บรายละเอียดไม่ให้ตกหล่นด้วยเวลาการนำเสนออันจำกัด ทำให้บางจุดอาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้
สรุป
แม้เนื้อเรื่องจะใส่รายละเอียดมาไม่ค่อยครบ แต่งานภาพขอบอกว่าเรื่องนี้กินขาด แสงสี เอฟเฟกต์สวยงาม และดูไม่งานรีบเท่าไหร่ จึงทำให้เรื่องนี้ได้คะแนนจากเว็บไซต์ Myanimelist ไปที่ 7.36 และ IMDb 7.3 ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงสำหรับแนวนี้ อีกทั้งยังได้นักพากย์ที่เดิมทีเป็นนักร้องวงร็อคมาร้องเพลงเปิดให้อีกด้วย ทำเอาแฟนคลับของ Suzuki Tatsuhisa ต่างปลื้มอกปลื้มใจกันอย่างมาก แต่นั่นก็เป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะมีข่าวฉาวออกมา สำหรับใครที่อยากลองติดตามอนิเมะเรื่องนี้สามารถหารับชมได้ที่ Netflix แบบซับไทย