เมื่อมีภาคปฐมบทแล้วก็ต้องมีบทสรุปของเรื่องราว หลังจากที่ฉายภาคแรกไปไม่นานนัก ภาคจบก็ถูกประกาศกำหนดการฉายแทบจะในทันทีเพื่อไม่ให้แฟน ๆ ต้องรอคอยนาน โดยภาคจบจะใช้ชื่อเรื่องว่า Fate/Grand Order: Shinsei Entaku Ryouiki Camelot 2 – Paladin; Agateram ตอนจบของเหล่าราชา อัศวิน และจอกศักดิ์สิทธิ์ มนุษยชาติจะสามารถมีหวังฟื้นคืนจากการล่มสลายได้หรือไม่ ภารกิจนี้จะสำเร็จอย่างไร ใครคือตัวแปรสำคัญของเรื่อง ซึ่งในภาคก็ได้เกริ่น ๆ เอาไว้ทั้งหมดแล้ว และจะทวีความเข้มข้นของเนื้อเรื่องให้มากขึ้นไปอีก
FGO หรือ Fate Grand Oder เป็นเกมในแพลตฟอร์มมือถือเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ปี 2015 โดยเกิดจากความร่วมมือกันพัฒนาของ Delightworks และ Lasengle ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมแฟรนไชส์ของซีรีส์ Fate Stay Night เนื้อเรื่องในเกมปัจจุบันมีทั้งหมด 3 พาร์ทด้วยกัน แต่ละพาร์ทถูกซอยย่อยอีกหลายบท และคาเมล็อตเป็นหนึ่งในบทย่อยของพาร์ทแรกเช่นเดียวกับบาบิโลเนีย และในภาคบทสรุปนี้ใช้ชื่อเรื่องว่า Fate/Grand Order: Shinsei Entaku Ryouiki Camelot 2 – Paladin; Agateram ผลิตโดยสตูดิโอ Production I.G ที่เคยสร้างผลงานอย่าง Haikyuu!! และ Kuroko no Basket แม้จะเปลี่ยนสตูดิโอแต่ก็ยังเป็นทีมงานเดิมจากภาคแรก ฉายเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา โดยมีความยาว 1 ชั่วโมง 36 นาที ด้วยกัน
ตัวละคร
Bedivere พากย์เสียงโดย คุณ Miyano Mamoru
Fujimaru Ritsuka พากย์เสียงโดย คุณ Shimazaki Nobunaga
Mash Kyrielight พากย์เสียงโดย คุณ Takahashi Rie
Gawain พากย์เสียงโดย คุณ Mizushima Takahiro
Leonardo da Vinci พากย์เสียงโดย คุณ Sakamoto Maaya
เรื่องย่อ
จากการบุกหมู่บ้านของผู้อพยพที่ดูแลโดยนักฆ่าในเงามืดอย่างฮัซซัน รวมไปถึงการสูญเสียวีรชนที่น่านับถืออย่าง Arash แล้วนั้น Bedivere ก็ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของแผนการราชาแห่งราชสีห์อย่างแท้จริง เขาได้พูดกับตนเองว่าจะสังหาร กษัตริย์แห่งปราสาทคาเมล็อตให้จงได้ ผู้เหลือรอดชีวิตต่างรวมตัวกันกันใหม่อีกครั้ง ครานี้ Bedivere ไม่อาจปล่อยให้ความด้อยฝีมือของตนเป็นตัวถ่วงอีกต่อไป เขาปรึกษาฮัซซันและต้องการยืมพลังจากราชาของพวกเขา แต่ข้อแลกเปลี่ยช่างหนักหนาเสียเหลือเกิน ทว่า Bedivere ก็ไม่หวั่น เพื่อเป้าหมายของตนแล้วแม้ว่าตัวเองจะต้องตกนรกหมกไหม้เขาก็พร้อมที่จะทำลายคาเมล็อต
ในระหว่างที่ค่อย ๆ ฟื้นฟูกำลังรบเพื่อการต่อสู้ครั้งต่อไป Lancelot อัศวินผู้เปรียบดั่งมือขวาของกษัตริย์ Arthur ได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับกองทัพของเขา และนั่นทำให้ Mash Kyrielight จำเป็นต้องออกโรงปะทะกับเซอร์ Lancelot หลังจากที่ได้รับรู้ว่าวิญญาณวีรชนที่อยู่ในตัวเธอนั้นคือใคร ระหว่างการต่อสู้ Mash ได้ตั้งคำถามถึงความจงรักภักดีของ Lancelot ที่มีต่อราชาของตน และวิถีที่อัศวินพึงกระทำ จนทำให้ตั้งสติได้และคิดว่าหน้าที่ของผู้รับใช้ที่ดีคือการเตือนสติผู้เป็นนายเมื่อเดินหลงผิดทาง Lancelot จึงปรับเปลี่ยนความคิดของตนเข้าร่วมกับกองทัพของ Fujimaru Ritsuka และทั้งนี้พวกเขาก็ได้พบกับ Leonardo da Vinci อีกครั้งหลังจากที่คิดว่าเธอได้เสียชีวิตไปในสนามรบแล้ว
การต่อสู่ครั้งสุดท้ายครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาจำเป็นต้องทำลายคาเมล็อตเพื่อยุติการรักษามวลมนุษยชาติแบบผิด ๆ ด้วยวิธีการของราชาแห่งราชสีห์ พร้อมกับปมปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันในครั้งก่อน ๆ ต่างฝ่ายต่างพร้อมสะสางกันเต็มที่ รวมไปถึงความนึกถึงในห้วงอดีตอันยาวนาน การจงรักภักดีต่อโต๊ะกลมที่เหล่าอัศวินเคยมี แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ราชาของพวกตนทำนั้นไม่ถูกต้องแต่ก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยนั้นเดินหน้าแผนการต่อไป และนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้า
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
ส่วนตัวมองว่าดีกว่าภาคแรกหน่อยนึง แต่ขึ้นชื่อว่าหนังโรงก็ยังคงเป็นที่คาดหวังต่อผู้ชมอยู่เช่นเดิม และแน่นนอนว่าภาคนี้ก็ยังไม่รู้สึกปังให้สมกับการรอคอยเท่าไหร่นัก ทั้งที่เป็นบทสรุปที่ควรจะเข้มข้นมากที่สุด และฉากต่อสู้สมควรอลังการยิ่งใหญ่มากที่สุดให้สมกับวีรชนในตำนานต่างมารวมตัวกัน แต่กลายเป็นว่าฉากต่อสู้มันดูไม่ค่อยให้อารมณ์ร่วมเท่าไหร่นัก ช่วงท้ายการจัดฉากการใช้เพลงประกอบนับว่าช่วยดึงอารมณ์ได้มากขึ้นแต่ก็รู้สึกว่ามันยังไปได้ไกลกว่านี้อีก เลยทำให้ดูเรียบ ๆ เฉย ๆ ไปเลย แต่โดยรวมก็ยังถือว่าสนุกมากขึ้นกว่าภาคแรกนักด้วยเพราะเนื้อหาและปมต่าง ๆ เริ่มเผยออกมาทีละนิดให้น่าติดตาม
ส่วนของงานภาพไม่ถึงกับดี และไม่ถึงกับแย่ โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในช่วงท้าย ที่มองว่ามันสามารถทำให้อลังการมากกว่านี้สมกับเป็นบอสใหญ่ เมื่อเทียบกับอนิเมชั่นการปล่อยสมบัติวีรชีนหรือที่เรียกว่า Noble Phantasm ในเกมยังจะดูน่าสนใจกว่าเสียอีก แต่ถึงอย่างไรแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถดูได้เพลิน ๆ เรื่อย ๆ ยิ่งกับคนที่เล่นเกมมาก่อนจะสามารถทำความเข้าใจเรื่องได้โดยไม่ยาก แน่นอนว่าภาคนี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาก่อน เพราะเนื้อเรื่องเชื่อมต่อกัน และหากเป็นไปได้ควรดูภาคจุดกำเนิดเพื่อให้เข้าใจเรื่องราวตั้งต้นของเรื่องก็จะทำให้เข้าใจและอินได้มากขึ้น
สรุป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องราวของซีรีส์ Fate ขึ้นถูกคาดหวังไว้ค่อนข้างสูง บวกกับสตูดิโอ Ufotable เองก็เคยสร้างมาตรฐานเอาไว้เสียสูงลิ่ว ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าพอมาภาคนี้จะทำให้แฟน ๆ ต่างอยากเห็นความเทพของงานภาพเช่นเดียวกัน แต่เมื่อไม่เป็นดังหวังคะแนนจะลดลงก็เป็นเรื่องธรรมดา เว็บไซต์ Myanimelist ให้คะแนนเรื่องนี้อยู่ที่ 7.6 และ IMDb อยู่ที่ 6.8 ใครที่สนใจอยากลองติดตามสามารถหารับชมได้ที่ bilibili Thailand ได้เลยจ้า เว็บสล็อต