Sonny boy กับการทะลุมิติอันเต็มไปด้วยเชิงสัญลักษณ์

อย่างที่รู้กันว่าอนิเมะเกี่ยวกับการทะลุมิตินั้นมีอยู่มากมายอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่เรื่องที่จะแหวกแนวจ๋า ๆ เหมือนอย่างเรื่อง Sonny Boy บ้าง ? อนิเมะออริจินัลน้องใหม่ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และคำถามเกี่ยวกับชีวิตของเราได้อย่างลึกซึ้งผ่านตัวละครที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นเหล่านี้ ก่อนจะนำไปสู่เรื่องราวต่าง  ๆ ที่เกิดขึ้นกับอีกหลาย ๆ มิติ หลาย ๆ โลก และตอนจบที่เหมือนจะลงตัวที่สุดสำหรับเรื่องราวที่แสนประหลาดนี้ ซึ่งบอกตามตรงว่าแม้จะดูจบทั้งเรื่องก็ยังไม่สามารถตีความหมายแฝงได้ทั้งหมด อีกทั้งความอาร์ตงานศิลป์ของเรื่องค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์จนอาจทำให้เข้าถึงยากไปสักหน่อย แต่จริง ๆ ถ้าดูจนจบแล้วก็บอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดีไม่น้อย

Sonny Boy เป็นออริจินัลอนิเมะทีวีซีรีส์ที่กำกับและเขียนบทโดย Natsume Shingo ออกแบบตัวละคร Eguchi Hisashi ที่ห่างหายจากวงการไปนาน ผลิตและดูแลโดยสตูดิโอ Madhouse ที่เคยสร้างผลงานชื่อดังอย่าง Death Note และ One Punch Man ฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2021 หรือก็คือซีซั่นฤดูร้อนนั่นเอง จำนวนทั้งสิ้น 12 ตอน สามารถรับชมแบบซับไทยได้ที่ IQIYI 

ตัวละคร

Nagara พากย์เสียงโดย คุณ Ichikawa Ao

Mizuho พากย์เสียงโดย คุณ Yuuki Aoi

Nozomi พากย์เสียงโดย คุณ Oonishi Saori

เรื่องย่อ

รู้ตัวอีกที นักเรียนทั้ง 36 คนก็พบว่าตนเองทะลุมิติมาพร้อมกับอาคารเรียนเสียแล้ว ภายนอกเป็นเพียงความมืดอันว่างเปล่า ราวกับว่าอาคารเรียนกำลังลอยเคว้งอยู่อย่างนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ถูกปลุกให้มีพลังวิเศษที่แตกต่างกันไปโดยไม่สนใจกฎเกณฑ์ของฟิสิกส์ นักเรียนหลายคนเริ่มใช้พลังวิเศษของตนทำตามอำเภอใจ Nagara เป็นกลุ่มนักเรียนส่วนน้อยที่ไม่มีพลังวิเศษเหล่านั้น และไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดตนจึงทะลุมิติมาพร้อมกับเพื่อน ๆ อีก 35 ชีวิต ในระหว่างที่กำลังนอนในห้องเรียนอย่างเอื่อยเฉื่อย นักเรียนใหม่ Nozomi ที่เพิ่งย้ายเข้ามาก็เข้ามาชวนคุย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีแม้แต่น้อย 

เมื่อเริ่มเห็นว่าเหล่านักเรียนคนอื่น ๆ ได้สร้างความเสียหายให้กับอาคารเรียนอันเป็นที่อยู่อย่างเดียงของพวกเขา กลุ่มสภานักเรียนจึงจัดตั้งกฎการอยู่ร่วมกันขึ้นมา หากใครฝ่าฝืนจะต้องโดนลงโทษไปตามระเบียบ จึงเป็นเหตุให้พวกเขาเลือกตัวแทนของนักเรียนขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่ทว่าหลังจากแต่งตั้งกลับกลายเป็นว่าผู้นำทำตัวกลายเป็นกฎเสียเอง พลังวิเศษของเขาได้เป็นอาวุธอย่างร้ายกาจต่อนักเรียนที่ต่อต้าน แต่นั่นเป็นพียงแค่เรื่องราวส่วนหนึ่งของโลกใบนี้เท่านั้น

Nozomi มีพลังเข็มทิศที่สามารถรู้ว่าแสงสว่างที่เป็นประตูทางออกของแต่ละโลกอยู่ที่ใด เธอพยายามเอื้อมไปหามัน ในขณะที่กำลังจะตกลงไปในความมืดอันว่างเปล่านั้น Nagara ได้ฉุดเธอและช่วยไว้ แต่ทว่าพวกเขาทั้งคู่กลับตกลงไปในความมืดพร้อมกับฉากรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พวกเขาได้มาอยู่ท่ามกลางเกาะร้าง และเริ่มใช้ชีวิตที่เกาะแห่งนั้นก่อนจะค่อย ๆ รู้ว่าแต่ละโลกมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป และพวกเขาพยายามหาทางที่จะกลับไปสู่โลกเดิมด้วยวิธีต่าง ๆ ทว่ากลับมีใครบางคนบอกพวกเขาว่าจะไม่สามารถกลับไปยังโลกเดิมได้อีกต่อไป 

พวกเขาสามารถเดินทางไปยังโลกหลาย ๆ แบบ และมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป ระยะเวลาในมิตินี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน อีกทั้งไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาที่ทะลุมิติมา ยังมีผู้คนอีกมากมาย อีกหลายเรื่องราว แต่พวกนั้นล้มเลิกที่จะกลับไปยังโลกที่จากมา อาศัยอยู่บนโลกที่ไม่มีความแก่ เฒ่า ไม่มีความเจ็บป่วย และไม่มีการตาย ราวกับอยู่เป็นนิรันดร์ จนทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักถึงการมีชีวิตอยู่ ว่าแท้ที่จริงแล้วมันควรเป็นอย่างไร ? 

ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ? 

เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นแนวไซไฟแฟนตาซีเลยทีเดียว แม้จะบอกว่านักเรียนทั้ง 36 คน แต่กลับมีบทเด่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งสำหรับอนิเมะที่มีจำนวนตอน 12 ตอนจะเฉลี่ยบทคงเป็นเรื่องยากเกินไป แต่ทว่าแต่ละตัวละครกลับมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างโดดเด่น เราจะเห็นการแสดงออกของเหล่าเด็ก ๆ เมื่อไม่มีผู้ใหญ่คอยชี้นำ และไม่มีกฎเกณฑ์อีกต่อไป พวกเขาจะจัดการทุกอย่างอย่างไร แน่นอนว่ามันต้องมีความขัดแย้ง และพวกเขาจัดการกับความขัดแย้งนั้นอย่างไร เหมือนจำลองสถานการณ์ที่เอาคนไร้เดียงสามารวมตัวกัน ที่ทำให้น่าขบคิดว่าหากโลกนี้ไม่มีสิ่งเหนี่ยวนำแล้ว มนุษย์จะร้ายกาจได้ถึงขนาดไหนกันนะ ? 

เอาจริง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้รู้สึกดราม่าปวดตับอะไรขนาดนั้น แม้แรก ๆ จะพูดถึงกฎเกณฑ์ของมนุษย์ด้วยกันเอง แต่หลัง ๆ เริ่มเป็นการพูดถึงกฎเกณฑ์ของโลกที่พวกเขาอยู่ การแก้ไขปริศนาในแต่ละโลก ที่ไม่ได้ท่องไปเพียงแค่โลกเดียว หลายคนดูเผิน ๆ อาจจะมีความงง ๆ ได้ว่าสิ่งที่เรื่องต้องการนำเสนอคืออะไรกันแน่ ส่วนเรื่องงานภาพไม่ได้จัดว่าดี แต่กลับมีเสน่ห์ชวนติดตาม อาจเป็นเพราะความเป็นออริจินัลอนิเมะทำให้เรื่องนี้ดูไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากนัก คนที่ชอบก็ชอบมาก คนที่ไม่เข้าใจก็จะไม่เข้าใจไปเลยก็มี

สรุป

แม้จะเต็มไปด้วยความอาร์ตและเข้าถึงยากไปสักนิด แต่คะแนนที่ได้กลับไม่เลวเลยทีเดียว เว็บไซต์ Myanimelist ให้เรื่องนี้อยู่ที่ 7.68 และ IMDb ให้ไปที่ 7.7 คะแนน ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ส่วนตัวสามารถดูได้เรื่อย ๆ เพียงแค่เปิดขึ้นมารู้ตัวอีกทีก็ถึงตอน 12 ไปเสียแล้ว ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็สนุกไปอีกแบบหนึ่งเชียวล่ะ