อย่างที่คอมังงะรู้กันดีว่าการ์ตูนที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Shounen Jump มักมีเป้าหมายเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่มีเนื้อหาเน้นการต่อสู้ มิตรภาพ ความโลกสวยอะไรแบบนั้น น้อยที่จะมีการ์ตูนสายดาร์กเข้ามา หรือนาน ๆ จะมีเป็นบางครั้งเพราะด้วยที่กลุ่มผู้อ่านมักเป็นเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ทำให้เรื่องราวที่มีความรุนแรงถูกจำกัดไปด้วย The Promised Neverland จึงนับเป็นการ์ตูนสายดาร์กน้อยเรื่องที่ว่านั้น ไม่มีพลังพิเศษ ไม่มีการต่อสู้เพื่อมิตรภาพ แต่เป็นการชิงไหวชิงพริบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกตัวละครมีชีวิตเดิมพัน ซึ่งถือว่าเป็นเสน่ห์อันดับหนึ่งของเรื่องเลยก็ว่าได้
The Promised Neverland หรือพันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ เป็นมังงะที่จับคู่กันทำงานระหว่างอาจารย์ SHIRAI Kaiu ผู้แต่งเนื้อเรื่อง และอาจารย์ DEMIZU Posuka ผู้วาด ในชื่อเรื่องว่า Yakusoku no Neverland ตีพิมพ์ให้กับนิตยสาร Shuukan Shounen Jump รายสัปดาห์ ของสำนักพิมพ์ Shueisha ปัจจุบันเรื่องราวต้นฉบับได้ดำเนินมาถึงตอนจบทั้งหมด 20 เล่มด้วยกัน ส่วนฉบับภาษาไทยถูกซื้อลิขสิทธิ์แปล และจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมมิคซึ่งออกมาจนถึงเล่มจบแล้วเช่นเดียวกัน
ส่วนเวอร์ชั่นอนิเมะได้สตูดิโอน้ำดีอย่าง CloverWorks ที่เคยมีผลงานอย่าง Horimiya และ Fugou Keiji: Balance:Unlimited นำไปดัดแปลงภายใต้การกำกับของ Kanbe Mamoru ปัจจุบันกำลังฉายซีซั่นที่ 2 ซึ่งคาดว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ครอบคลุมไปจนถึงตอนจบ โดยซีซั่นแรกมีจำนวน 12 ตอน ฉายเมื่อฤดูหนาวปี 2019 และซีซั่นที่ 2 มีจำนวน 11 ตอน ออกอากาศฤดูหนาวปี 2021 ที่ผ่านมานั่นเอง โดยเรื่องนี้ถูกจำกัดเรทผู้ชมอยู่ที่ 17+ เพราะมีภาพความรุนแรง ผู้ชมที่อายุต่ำกว่า 17 ปี ควรได้รับคำแนะนำ
ตัวละคร
Emma พากย์เสียงโดย คุณ Morohoshi Sumire
Norman พากย์เสียงโดย คุณ Uchida Maaya
Ray พากย์เสียงโดย คุณ Ise Mariya
Isabella พากย์เสียงโดย คุณ Kaida Yuuko
Gilda พากย์เสียงโดย คุณ Lynn
Don พากย์เสียงโดย คุณ Ueki Shinei
เรื่องย่อ
House คือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยป่า เด็ก ๆ ทุกคนเติบโตและอยู่ในสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่จำความได้ แต่ก็มีบางครั้งที่เด็กบางคนจะได้รับการเลี้ยงดูจากคนข้างนอก พวกเขาจำเป็นต้องออกจากบ้านหลังนี้ไปเพื่อใช้ชีวิต ทุกครั้งแห่งการจากลามักมีทั้งความเศร้าและความยินดี พวกเขาสามารถอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ไม่เกินอายุ 12 ปี หลังจากนั้นจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่และได้ออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้าง ทว่า Emma เด็กหญิงผู้มีอายุ 12 ปีกลับไม่อยากจากหม่าม้า และเพื่อน ๆ ที่เป็นเหมือนดั่งครอบครัวของเธอไปไหนเอาซะเลย
Conny เด็กหญิงอายุ 6 ขวบได้ถูกอุปการะและส่งออกไปยังข้างนอก พวก Emma จัดงานเลี้ยงส่งอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางการจากลาที่แสนเศร้าและยินดี Conny ออกไปโดยลืมตุ๊กตากระต่ายที่เธอมักถือติดตัวไปด้วย Emma เห็นดังนั้นจึงหยิบตุ๊กตาแล้วตามไปให้พร้อมกับ Norman เพื่อนสนิทวัยเดียวกัน แม้จะมีคำสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปยังประตูใหญ่ที่ปกป้องพวกเขาจากอันตรายภายนอกแต่ทั้งคู่ได้แต่ยอมรับการโดนดุที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ทว่าเมื่อโผล่พ้นจากประตูไปก็พบกับรถบรรทุกคนหนึ่งจอดอยู่โดยไม่เห็นเงาของหม่าม้าและ Conny
ขณะที่ทั้งคู่กำลังมองหา Conny อยู่นั้น Emma เปิดท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่เพราะหวังว่าเจ้าของตุ๊กตากระต่ายจะอยู่ในนั้น ทว่าสิ่งที่เด็กหญิงพบกับทำให้ตื่นตะลึง นั่นคือ Conny นอนกลายเป็นศพพร้อมกับดอกไม้ปักกลางอก ประจวบเหมาะกับสิ่งมีชีวิตลึกลับปรากฏกาย ทั้งคู่ต้องแอบซ่อนตัวและพบว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นคือปิศาจ ! วินาทีนั้นทั้ง Emma และ Norman ต่างรู้ทันทีว่าบ้านเด็กกำพร้าที่แสนอบอุ่นแท้ที่จริงคือฟาร์มมนุษย์เพื่อส่งออกเป็นอาหารให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ และเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อ Emma และ Norman จึงตัดสินใจที่จะหนีออกจาก House ไปพร้อมกับเด็ก ๆ ทุกคนที่เหลือ
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
เรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงมากหลังจากที่ปล่อยฉายได้เพียงไม่กี่ตอน แม้ตัวละครหลักจะเป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่เนื้อหากลับไม่เหมาะสำหรับเด็กดูเอาเสียเลย เราจะได้ลุ้นตัวโก่งไปเสียทุกตอน เอาใจช่วยให้เด็ก ๆ รอดพ้นจากการถูกจับเป็นอาหาร รวมไปถึงกับการรับมือกับหม่าม้าที่เป็นคนคอยดูแลพวกเขาเสมอมา เพียงวันเดียวก็กลายเป็นศัตรูในชั่วข้ามคืน สิ่งที่ชอบคือการถ่ายทอดเรื่องราวในมุมเดียวแล้วค่อย ๆ ขยายกว้างออกมาขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกเราจะได้แต่สงสัยว่าเจ้าสัตว์ประหลาดเหล่านั้นคืออะไร พวกเขามีที่มาอย่างไร และทำงานกันอย่างไร และระหว่างนั้นก็ยังแฝงมิตรภาพที่เป็นกิมมิคหลักของ Shounen Jump งานภาพก็สวยงามไม่แพ้เนื้อเรื่อง แต่ก็ยังมีบางจุดที่ดูเหมือนงานเร่งอยู่บ้างแต่โดยรวมไม่ถือว่าแย่แต่อย่างใด
สรุป
น่าเสียดายที่ความดีงามของอนิเมะเรื่องนี้มีเพียงแค่ซีซั่นแรกเท่านั้น เพราะนอกจากงานภาพแล้วตัวอนิเมะในซีซั่นแรกยังดำเนินทางมังงะต้นฉบับแบบเป๊ะ ๆ เฟรมต่อเฟรม แต่ในซีซั่นที่ 2 กลับไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ งานภาพแย่ลง ซ้ำยังเปลี่ยนบทตามใจชอบ โดยเฉพาะตอนจบที่เป็นไคล์แมกซ์ของเรื่อง จึงทำให้คะแนนที่ได้จากเว็บไซต์ Myanimelist แตกต่างกันมากระหว่างซีซั่น 1 กับ 2 คือ 8.58 และ 5.48 ถือว่าลดลงและไม่ถูกใจผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ในขณะที่ IMDb ให้เรื่องนี้โดยรวมที่ 8.5 ซึ่งคาดว่ามาจากอิทธิพลของซีซั่นแรก ใครที่ต้องการติดตามรับชมสามารถหาชมได้ที่ Netflix และ IQIYI กันได้เลย สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ