หากพูดอนิเมะแนวแฟนตาซีที่เรามักจะเห็นกันอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเล่นการเล่นกับเรื่องราวของห้วงมิติเวลาอยู่เสมอ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรื่องราวของมิติเวลาต่าง ๆ มักจะถูกนำมาประยุกต์เข้ากับเรื่องราวของอนิเมะแนวต่อสู้อยู่เสมอ ๆ หรือถ้าจะมีแหวกแนวหน่อยก็อาจจะเป็นการเอาเรื่องของมิติเวลาไปรวมกับเรื่องราวของความตลก แต่เพราะแนวนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เห็นอยู่บ่อย ๆ นี้เองจึงทำให้มีหลาย ๆ คนเริ่มเอียนเกี่ยวกับการเอามิติเวลามาเล่นแบบนี้ไม่มากก็น้อย แต่ทว่าท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า จริง ๆ ยังมีอนิเมะอีกเรื่องหนึ่งที่มีการเอาเรื่องราวของมิติเวลาเข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง แถมเนื้อหามันยังเป็นเกี่ยวกับเรื่องความของความรักวัยรุ่นหนุ่มสาวอีกด้วย โดยอนิเมะเรื่องนี้ที่เรากำลังจะพูดถึงกันนั่นก็คือ
อนิเมะรักวุ่น ๆ ของวัยรุ่น The Girl Who Leapt Through Time กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา
The Girl Who Leapt Through Time กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา เป็นผลงานอนิเมชั่นที่กำกับโดย มาโมรุ โฮโซดะ ชายผู้สร้างอนิเมชั่นขึ้นชื่อมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น Summer Wars หรือ The Boy and the Beast อีกทั้งอนิเมะเรื่องนี้ยังถูกสร้างจากสตูดิโอระดับคุณภาพอย่าง Madhouse และความยอดเยี่ยมของมันนั่นก็คือ อนิเมะเรื่องนี้สามารถคว้ารางวัล Japan Academy Awards ในสาขาอนิเมชันแห่งปี 2006 มาครองได้อีกด้วย
ซึ่งจริง ๆ แล้วอนิเมะเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงมาจากนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ที่ถูกประพันธ์ขึ้นตั้งแต่ 1976 ซึ่งต้นแบบในฉบับนิยายนั้นมีชื่อเรื่องว่า Toki wo Kakeru Shoujo และความยอดเยี่ยมของอนิเมะเรื่องนี้ยังไม่ได้หมดแค่นั้นเพราะว่าหลังจากที่กระแสตอบรับของอนิเมะเรื่องนี้ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง ทำให้ในที่สุดอนิเมะเรื่องนี้ก็ถูกหยิบเอาไปตีความใหม่ในเวอร์ชันของภาพยนตร์คนแสดง โดยในฉบับภาพยนตร์นั้นอนิเมะเรื่องนี้จะใช้ชื่อเรื่องว่า Time Traveller: The Girl Who Leapt Through Time ซึ่งถูกฉายในช่วงเดือนมีนาคมปี 2010
โดยเรื่องย่อคร่าว ๆ ของ The Girl Who Leapt Through Time กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของ มาโกโตะ เด็กสาวม.ปลายแสนธรรมดา ที่ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอนั้นจะดึงดูดแต่โชคร้ายเข้ามาหาเสมอ ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างทางขากลับหลังจากที่เธอเล่นเบสบอลกับเพื่อนสนิทชายทั้ง 2 คนอย่าง โคสุเกะ และ ชิอากิ เธอก็ได้ประสบอุบัติเหตุโดยรถจักรยานของเธอลื่นไถลลงไปยังทางลาดชันที่รถไฟกำลังจะแล่นผ่านมา แต่ในจังหวะที่ร่างของเธอกำลังจะถูกรถไฟชนนั้นเองตัวของ มาโกโตะ กลับพบว่าเธอนั้นได้ย้อนกลับมายังช่วงเวลาก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุซะอย่างนั้น
และหลังจากเหตุการณ์นั่นเองทำให้ตัวของ มาโกโตะ ได้พบว่าจริง ๆ แล้วเธอนั้นมีความสามารถในการกระโดดข้ามเวลา รวมถึงย้อนกลับไปยังอดีตได้ และนั่นเองจึงทำให้เธอใช้ความสามารถนี้ในการกระโดดข้ามเวลาเพื่อไปแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยผิดพลาด หรือ ไม่ได้ดั่งใจของเธอ และหนึ่งในสิ่งที่เธอแก้ไขนั่นก็คือ การที่เธอได้ไปสารภาพรักกับเพื่อนสนิทอย่าง
ชิอากิ แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่าในทุก ๆ ครั้งที่กระโดดข้ามเวลาเพื่อแก้ไขเรื่องต่าง ๆ มันจะมีคนที่ต้องสูญเสียแทนเธอตามมาอยู่เสมอ
ซึ่งสิ่งดังกล่าวที่ทำให้ตัวของมาโกโตะค่อย ๆ รับรู้ถึงความอันตรายในการเดินทางข้ามเส้นเวลา และการที่เธอจะข้ามเส้นเวลาได้ก็ค่อย ๆ เหลือน้อยลงไปทุกที และในขณะเดียวกันนั้นความสูญเสียครั้งใหญ่ก็กำลังค่อย ๆ เข้ามาใกล้เธอ และเธอยังเริ่มรู้ว่าแท้จริง ๆ แล้วยังมีคนที่ความสามารถเดียวกับเธออยู่ และทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวอันแสนซับซ้อนที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความรัก และ ความสูญเสีย ที่เดินอยู่ในเส้นเวลาเดียวกัน
เมื่อฟังเรื่องย่อคร่าว ๆ กันไปแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะมาทำความรู้จักตัวละครต่าง ๆ กันแล้ว โดยตัวละครตัวแรกที่เราจะพูดถึงนั่นก็คือ ตัวละครที่มีชื่อว่า มาโกโตะ คนโนะ โดยเธอคนนี้เป็นลูกสาวคนโตของบ้านที่มีนิสัยซุ่มซ่าม และ มีบุคลิกซน ๆ ขี้โวยวายเหมือนกับเด็กผู้ชาย โดยเธอมีเพื่อนสนิท 2 คนนั่นก็คือ โคสุเกะ และ ชิยากิ ซึ่งภายหลังเธอได้ค้นพบว่าเธอสามารถที่จะกระโดดย้อนเวลาได้
ตัวละครตัวต่อมาที่เป็นตัวละครหลักในเรื่องนั่นก็คือ ชิอากิ มามิยะ โดยเขาคนนี้ก็เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของมาโกโตะที่มักจะเล่นเบสบอลด้วยกันอยู่เสมอ โดยนิสัยของเขานั้นเป็นคนที่ร่าเริง และ ช่างพูด แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ชอบทำตัวสบาย ๆ อีกทั้งยังเรียนไม่เก่ง แถมเขาคนนี้ยังเป็นคนที่ชอบย้ายโรงเรียนใหม่อยู่บ่อย ๆ จนให้เขาดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ไม่สามารถจะพึ่งพาอะไรได้นั่นเอง
ตัวละครตัวต่อมาที่เราอยากพูดถึงเป็นตัวละครที่มีชื่อว่า โคสุเกะ ทซึดะ โดยเขาคนนี้ก็คือหนึ่งในเพื่อนสนิทอีกคนของ
มาโกโตะ ที่มักจะทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือ เล่นเบสบอล รวมไปถึงกลับบ้าน โดยเขาคนนี้มีความฝันอยากจะเป็นหมอเหมือนกับพ่อของเขา แถมลักษณะนิสัยของเขายังแตกต่างกับ มามิยะ แบบสุดขั้ว เพราะเขานั้นทั้งฉลาด ดูดี และพึ่งพาได้ จึงทำให้มีสาว ๆ หลาย หวังที่จะมาจีบเขา
อีกหนึ่งตัวละครที่ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญนั่นก็คือ ตัวละครที่มีชื่อว่า คาโฮ ฟุจิทานิ โดยเธอคนนี้เป็นรุ่นน้องของมาโกโตะที่มีนิสัยค่อนข้างขี้อาย และเธอคนนี้ก็แอบชอบโคสุเกะอยู่ด้วย โดยรอบ ๆ กายของ คาโฮ มักจะมีเพื่อนสนิท 2 คนที่รายล้อมเธออยู่เสมอโดยคนหนึ่งก็จะมีนิสัยห้าว ๆ อีกคนหนึ่งก็จะมีนิสัยค่อนข้างปากจัด แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ เพื่อนสนิททั้ง2คนของเธอเป็นคนที่กล้าลุย ซึ่งแตกต่างกับตัวของ คาโฮ ที่ค่อนข้างเป็นคนเรียบร้อย และ พูดน้อย
อีกหนึ่งตัวละครตัวสำคัญตัวสุดท้ายซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่ช่วยคลี่คลายเรื่องราวต่าง ๆ นั่นก็คือตัวละครที่มีชื่อว่า คาสุโกะ โยชิยามะ โดยเธอคนนี้เป็นน้าสาวของ มาโกโตะ ซึ่งถูกตั้งฉายาเอาไว้ว่า แม่มด เพราะว่าเธอนั้นเป็นนักโบราณคดีในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่ง แถมเธอคนนี้ยังเคยเดินทางย้อนเวลามาก่อน และนั่นเองคือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตัดสินใจครองโสดมาจนถึงปัจจุบัน
ก่อนอื่นเลยเราต้องยกให้เรื่อง The Girl Who Leapt Through Time กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา นั้นเป็นผลงานชิ้นเอกของผู้กำกับอย่าง มาโมรุ โฮโซดะ เพราะว่าเรื่องนี้มันถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เขานั้นสามารถเปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะหลังจากนั้นฝีมือของผู้กำกับอย่าง มาโมรุ โฮโซดะ ก็ค่อย ๆ อัพเลเวลสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงฝีมืออันร้ายกาจของเขานั้นก็คือการใส่ใจรายละเอียดต่าง ๆ ของเรื่อง รวมถึงวิธีการเล่าเรื่องที่สามารถพลิกแพลง และ สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูได้อย่างไม่หยุดหย่อนจนไม่แปลกใจเลยว่าความยอดเยี่ยมเหล่านี้จะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นหลังจากที่ตัวของเขาได้มีประสบการณ์ในวงการนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
แถมเรื่อง The Girl Who Leapt Through Time กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา ยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถสร้างเอกลักษณ์อันสำคัญของ มาโมรุ โฮโซดะ นั่นก็คือ ส่วนใหญ่เนื้อเรื่องของเขาจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมิติเวลา หรือ บางทีก็ไปทางเรื่องราวที่เหนือจริง ซึ่งสิ่งเหล่านั่นแหละที่กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว
แต่ทว่าเรื่องนี้เองก็ยังมีหนึ่งในปัญหาของอนิเมะที่มีมิติเวลามาเกี่ยวข้องนั่นก็คือ การลำดับเรื่องช่วงเวลา เพราะว่าเรื่องนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้คนดูค่อนข้างจะสับสนกับช่วงเวลาที่นางเอกย้อนไปย้อนมา แถมมันก็ยังมีช่วงเวลาบางช่วงที่ค่อนข้างน่าเบื่อเนื่องจากมันเป็นฉากย้อนเวลาซ้ำ ๆ แต่ถึงแบบนั้นแล้วตัวของเรื่องก็ยังสามารถที่จะปิดเรื่องได้ค่อนข้างสวยงามเลยทีเดียว ซึ่งมันดีถึงขนาดที่หลาย ๆ คนนึกในใจว่าอยากให้เรื่องนี้ทำภาคต่อออกมาด้วยซ้ำ และอีกสิ่งหนึ่งที่เรื่องพยายามจะสื่อให้เราได้เห็นนั่นก็คือ แง่คิดเกี่ยวกับช่วงเวลาต่าง ๆ นั่นเอง ดังนั้นใครที่ยังไม่เคยดูอนิเมะรักวุ่น ๆ ของวัยรุ่น The Girl Who Leapt Through Time กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา แล้วละก็เราอยากขอให้คุณไปลองหามาดู