ถ้าพูดถึงฮีโร่ ในความหมายของใครหลาย ๆ คนคงจะนึกถึงผู้ที่ช่วยกอบกู้โลกอย่างกัปตันอเมริกา ไอรอนแมน หรือซูเปอร์แมน เป็นต้น แต่ทว่าในชีวิตจริงแล้วนั้นฮีโร่ของเราไม่จำเป็นต้องกอบกู้โลกหรือต่อกรกับตัวร้ายแบบนั้น เราสามารถพบเจอฮีโร่ของอเราได้ในชีวิตประจำวัน ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง ดังเช่นเรื่อง Modest Heroes หรือ ฮีโร่เดินดิน ที่ได้เล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ของผู้คน ที่มีทั้งในสังคมปกติ ในโลกที่เป็นเรื่องราวแฟนตาซี หรือเป็นเรื่องราวอันแสนลึกลับที่ไม่สามารถพบเจอได้ทั่วไป ทำให้รู้สึกได้ว่าฮีโร่นั้น ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษอะไรเลย
Modest Heroes หรือ ฮีโร่เดินดิน เป็นออริจินัลอนิเมะจากสตูดิโอที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Ponoc ที่เคยมีผลงานมาแล้วอย่าง Tomorrow’s Leaves และ Mary to Majo no Hana ดูแลการผลิตโดย Nishimura Yoshiaki และได้ผู้กำกับและผู้เขียนบทมากฝีมือถึงสามคน ได้แก่ Yonebayashi Hiromasa กับ Yamashita Akihiko และ Momose Yoshiyuki ฉายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในชื่อเรื่องว่า Chiisana Eiyuu: Kani to Tamago to Toumei Ningen เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปี 2018 โดยอนิเมะถูกแบ่งออกเป็นสามตอนด้วยกัน ตอนละประมาณ 17 นาที
ตัวละคร
Kanino พากย์เสียงโดย คุณ Suzuki Rio
Kanini พากย์เสียงโดย คุณ Kimura Fumino
Invisible Man พากย์เสียงโดย คุณ Odagiri Joe
Shun พากย์เสียงโดย คุณ Shinohara Souta
เรื่องย่อ
Modest Heroes หรือ ฮีโร่เดินดิน ถูกแบ่งออกเป็นสามตอนโดยผู้เขียนบทสามคน ตอนแรกเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำพร้อมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น ปลา ปู พวกเขามีอาวุธในการล่าอาหารคือก้ามปู และมันแข็งแกร่งมากเลยทีเดียว สิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดสำหรับพวกเขาคือปลาตัวใหญ่ ที่มักมาพร้อมกับคลื่นน้ำอันรุนแรง ตัวเอกของเรื่องนี้ได้แก่สองพี่น้อง Kanino และ Kanini พวกเขาอาศัยอยู่กับพ่อสองคน แต่ก่อนหน้านี้เคยมีแม่อาศัยอยู่ด้วย แต่ด้วยเพราะเหตุบางอย่างทำให้แม่ของพวกเขาจำเป็นต้องขึ้นบกไป ดังนั้นในแต่ละพวกเขาต้องเฝ้ารอบิดาออกไปหาอาหารมาให้ เด็ก ๆ เริ่มฝึกฝนการล่า พวกเขาพยายามสร้างอาวุธด้วยตนเอง พวกเขาดีใจเมื่อเห็นพ่อกลับมาถึงรังอย่างปลอดภัย ทว่า คลื่นน้ำใหญ่มาพร้อมกับปลาตัวหนึ่ง มันได้พัดเอาพ่อของเขาหายไปกับสายน้ำ ด้วยความที่ไม่อยากเสียแม่เหมือนที่เคยเป็นพวกเขาจึงช่วยกันออกตามหาพ่อที่ถูกน้ำพัดพาไป
ตอนที่สองเป็นเรื่องราวระหว่างแม่ลูกคู่หนึ่ง โดย Shun ในวัยเด็กพบว่ามีอาการแพ้อาหารประเภทไข่อย่างรุนแรงทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาจึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยอาหารฝีมือของแม่มาโดยตลอด ด้วยความที่ไข่ทำให้เขามีความทรงจำไม่ค่อยดีนักจึงทำให้รู้สึกเกลียดไข่ไปโดยปริยาย เขาต้องใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังจากคนรอบตัว แม่เขาเองก็คอยระวังเขาเป็นอย่างดี เขาถูกดูแลโดยแม่มาโดยเสมอ แต่ทว่าการใช้ชีวิตของ Shun ในหลาย ๆ อย่างทำให้เพื่อนร่วมชั้นของเขาไม่ค่อยเข้าใจนัก อย่างเช่นเขาไม่สามารถทานอาหารร่วมกับเพื่อนในชั้นได้เพราะเกรงว่าอาหารประเภทไข่จะกระเด็นใส่ทำให้เกิดอาการแพ้ จนกระทั่งวันหนึ่ง Shun ก็รู้สึกว่า หากโลกนี้ไม่มีไข่คงจะดี
ตอนที่สามเป็นเรื่องราวของมนุษย์ล่องหนคนหนึ่งที่ไม่ได้มีเพียงร่างกายที่ล่องหน แต่ทุกอย่างของเขาก็ล่องหนไปเสียหมด เขาถูกมองข้ามจากทุกคน ไม่มีใครเห็นเขาเลยแม้จะใส่เสื้อผ้าแว่นตาแล้วก็ตาม ทุกคนมักมองข้ามเขาไปราวกับไร้ตัวตน มนุษย์ล่องหนคอยพกถึงดังเพลิงไว้กับตัวเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่มันมักจะถูกห้อยอยู่ข้างกาย จนกระทั่งวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อถังดับเพลิงที่เขาสะพายเป็นประจำนั้นได้หลุดออกจากตัวไป ทำให้ร่างล่องหนของเขาล่องลอยไปกับสายลมที่กำลังพัดโหมกระหน่ำ และเขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะรั้งร่างของตัวเองเอาไว้กับพื้นผิวโลก
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
เอาจริง ๆ แม้จะชื่อเรื่อง Modest Heroes หรือ ฮีโร่เดินดิน หรือแม้กระทั่งชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่นเองนั้น เรื่องที่เข้ากับชื่อเรื่องมีเพียงเรื่องแรกเท่านั้นเอง เรื่องสองอาจจะเข้าเค้าหน่อยเพราะเป็นความรักของแม่ที่มีแต่ลูก แต่ทว่าช่วงท้ายเด็กชายเองก็เป็นคนยืนหยัดที่จะต่อสู้กับอาการแพ้ของตัวเองซึ่งถ้ามองอีกแง่ก็ดูเป็นฮีโร่เพื่อตัวเองได้อยู่ แต่เรื่องที่สามว่ากันตามตรง ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่สื่อเท่าไหร่นัก อีกทั้งเรื่องราวของมนุษย์ล่องหนเองเหมือนถูกตัดออกมาเพียงสั้น ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพราะการที่เขาล่องหน และถูกแม้กระทั่งพนักงานร้านสะดวกซื้อเมินนั่นอดทำให้สงสัยไม่ได้ว่าแล้วชีวิตที่ผ่านมาของเขาดำเนินมาอย่างไร เลยทำให้ดูเหมือนบทจะมีก็มีอย่างไม่มีที่มาที่ไปอย่างบอกไม่ถูก
ในส่วนของงานภาพ ถือว่าทำได้ดี สมกับเป็นสตูดิโอที่ทำแต่เฉพาะเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ลายเส้นค่อนข้างเอกลักษณ์ แต่ติดตรงที่พอหั่นเวลาจากห้าสิบกว่านาทีออกเป็นอนิเมะสั้น ๆ เพียงสิบกว่านาทีแล้วทำให้รู้สึกว่าแต่ละเรื่องนอกจากจะไม่มีความเข้ากันแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจกิมมิกที่แอบแฝงอีกด้วย แต่ถ้าหากดูแบบไม่คิดอะไรก็สามารถรับชมได้เพลิน ๆ เหมือนกัน เพราะส่วนตัวประทับใจการเล่าเรื่องสไตล์นี้อยู่ไม่น้อย
สรุป
เพราะความที่สั้นและสิ่งที่สื่อออกมาน้อยไปนิด ทำให้เรื่องนี้ได้คะแนนไม่สูงมากนักแต่ก็ไม่ถึงกับแย่ เว็บไซต์ Myanimelist ให้เรื่องนี้อยู่ที่ 6.85 คะแนน และ IMDb ได้ไปที่ 6.6 เอาจริง ๆ บางครั้งดูอนิเมะสักเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุและผลมารองรับมากมาย ถ้าดูสนุกก็ถือว่าตอบโจทย์แล้ว ใครที่อยากลองสัมผัสอีกหนึ่งมุมมองที่มีต่อฮีโร่ที่เราคุ้นเคยกันก็สามารถหารับชมได้ที่ Netflix 20รับ100