ในฤดูร้อนปี 2021 นี้ ทาง flying DOG ค่ายเพลงชั้นนำสำหรับทำเพลงอนิเมะชื่อดังจากทางญี่ปุ่น ได้เปิดโปรเจคฉลองครบ 10 ปีของทางค่ายด้วยอนิเมชั่นเรื่องราวของหนุ่มสาวในหน้าร้อนที่มีความเกี่ยวข้องกับเสียงเพลงขึ้นมาในชื่อ Cider no You ni Kotoba ga Wakiagaru หรือ Words Bubble Up Like Soda Pop และมีชื่อภาษาไทยว่า ถ้อยคำเอ่อล้นด้วยใจรัก เป็นฉบับเดอะมูฟวี่ เดิมทีเรื่องนี้ถูกฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนังนานาชาติที่เซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2020 ก่อนจะฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา
Words Bubble Up Like Soda Pop หรือ ถ้อยคำเอ่อล้นด้วยใจรัก ผลิตโดยสตูดิโอ Signal.MD และ Sublimation ที่เคยสร้างผลงานเดอะมูฟวี่มาแล้วหลายเรื่อง เช่น FLCL Progressive และ Fate/Grand Order: Shinsei Entaku Ryouiki Camelot 1 – Wandering; Agateram โดยได้ Ishiguro Kyouhei ขึ้นแท่นผู้กำกับ เขียนบทโดย Satou Dai ดีไซน์ตัวละครโดย Aikyou Yukiko และ Ushio Kensuke เป็นผู้ทำเพลงประกอบ ความยาวของเรื่องนี้อยู่ที่ 1 ชั่วโมง 27 นาที ถือว่าค่อนข้างสั้นไปนิดสำหรับอนิเมะที่เป็นเดอะมูฟวี่
ตัวละคร
Cherry พากย์เสียงโดย คุณ Ichikawa Somegorou
Smile พากย์เสียงโดย คุณ Sugisaki Hana
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เมื่อ Cherry ได้ถูกคุณแม่ไหว้วานให้มาทำงานพิเศษแทนตัวเองที่มีอาการปวดหลังที่ศูนย์ดูแลคนชราในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ส่วนตัว Cherry นั้นเขาค่อนข้างเป็นหนุ่มขี้อายและชื่นชอบกลอนไฮกุมากเป็นพิเศษ เขาจะใส่เฮดโฟนโดยไม่ได้เปิดเพลงไว้เสมอเพื่อป้องกันตัวเองจากการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และในขณะที่กำลังพาผู้สูงอายุในศูนย์ออกทำกิจกรรมตามตาราง ระหว่างนั้นในห้างสรรพสินค้าได้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ทำให้เขาถูกชนและล้มลงไปกับพื้น ภายหลังจึงพบว่าคนที่ชนเขาคือเด็กสาวคนหนึ่งผู้มีเหล็กจัดฟันจึงอดไม่ได้ที่จะทัก ทว่าเธอกลับปิดบังฟันกระต่ายที่เต็มไปด้วยเหล็กดัดนั้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบของวิ่งจากออกไป
Smile เด็กสาวที่วันหนึ่งตื่นขึ้นมาก็รู้สึกไม่ชอบฟันกระต่ายบนใบหน้าของตนจนต้องกำจัดมันด้วยการจัดฟันเสียใหม่ เธอเลือกที่จะใส่ผ้าปิดปากออกจากบ้านเพื่อไม่ให้มีใครเห็นฟันกระต่ายของเธอ นอกจากนี้ Smile ยังเป็นเน็ตไอดอล เธอมักทำการไลฟ์และมีแฟน ๆ ติดตามเป็นจำนวนหนึ่ง ในขณะที่เธอกำลังทำการไลฟ์เยี่ยมชมในห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งทำธุระกับหมอฟันเสร็จนั้นจู่ ๆ ก็มีความวุ่นวายเกิดขึ้นทำให้เธอโดนชนและเซล้มลงไปกับพื้น พบว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่เขาดันทักเรื่องเหล็กจัดฟันของเธอซะนี่ ทำให้เธอต้องปิดบังใบหน้าและรีบเก็บของออกไปจากจุดนั้นให้ไกลที่สุด
รู้ตัวอีกที Smile ได้สลับมือถือกับหนังสือคำของ Cherry ซะแล้ว พวกเขาพยายามหาทางเอาของมาคืนกันและกัน และเรื่องราวในครั้งนี้ก็ได้ทำให้ทั้งสองได้มีปฏิสัมพันธ์กันจนนำไปสู่เรื่องราวแห่งเสียงเพลงฤดูร้อนของคุณตาในศูนย์ดูแลคนชราคนหนึ่ง ที่ตามหาแผ่นเสียงเพลงของภรรยาที่ถูกอัดขึ้นเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
ในด้านของเนื้อหายอมรับว่าไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่นัก เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มขี้อายกับเด็กสาวที่ไม่มั่นใจตัวเองพบกัน กว่าจะเข้าเรื่องของเสียงเพลงทีเป็นปมหลักก็ใช้เวลาพอสมควร ดูไปช่วงแรก ๆ จะไม่ค่อยรู้สิ่งที่ตัวเรื่องจะสื่อเท่าใดนัก อีกทั้งเรื่องหย่อนปมแรกไว้ช่วงต้นเรื่องจนเกือบลืมไปแล้วถึงเข้าปมหลัก อีกทั้งตัวละครค่อนข้างเยอะ เนื้อหาทางปมตัวละครหลักก็เหมือนจะยังแสดงไม่สุด ทำไมคุณพ่อของ Cherry ถึงคิดว่าลูกชายจะไม่พอใจในการย้ายบ้าน เรื่องเล่าเหมือนกับว่าสองพ่อลูกเคยมีเรื่องอะไรบางอย่างกันมาก่อนแต่ตรงนี้ในเรื่องเองก็ไม่ได้สานต่อ หรือสาเหตุที่ Smile ไม่พอใจกับฟันกระต่ายของตัวเองนั้นมันดูไม่หนักแน่นเท่าที่ควร เพราะต้นเรื่องปูไว้ว่าในตอนเด็กเธอชอบฟันกระต่ายของตัวเองเอามาก ๆ
ในส่วนของงานภาพ โมชั่นการเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดี ไม่ดูติดขัดหรือมีการใช้ภาพซ้ำ แต่จะบอกว่างานภาพสวยก็คงพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เรียกว่ามีเอกลักษณ์จะดีกว่า เพราะเหมือนเป็นความตั้งใจของทีมงาน ส่วนตัวชอบการใช้สีของเรื่องที่ดูผิวเผินแล้วเหมือนลูกกวาดหลากสี ฉากอาคารบ้านเรือนทำออกมาได้ดีมาก เนื่องจากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเพลงเมื่อ 50 ปีก่อนทำให้มีกลิ่นอายของความย้อนยุคอยู่หน่อย ๆ ซึ่งเหมาะกับช่วงฤดูร้อนและเทศกาลดอกไม้ไฟได้อย่างดี ตรงนี้ไม่รู้สึกติดขัดอะไร ตรงกันข้ามมันค่อนข้างลงตัวมากเลยทีเดียว
สรุป
เพราะเนื้อหาไม่ค่อยทัชในคนดูเท่าไหร่นักจึงทำให้คะแนนของเรื่องนี้ไม่สูงมาก IMDb ให้ที่ 6.9 และเว็บไซต์ Myanimelist ให้ที่ 7.54 คะแนนเพียงเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นคะแนนที่ค่อนข้างเหมาะสมกับเรื่องนี้ ระดับกลาง ๆ ไม่ได้ดีมากแต่ก็ไม่ได้แย่จนดูไม่ได้ สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้คือกิมมิกของการตั้งชื่อตัวละครที่เป็นภาษาอังกฤษจากชื่อดั้งเดิมที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งไม่ได้รู้สึกขัดตาหรือขัดใจเท่าไหร่ หากใครอยากลองติดตามสามารถรับชมได้ที่ Netflix มีทั้งซับไทยและพากย์ไทยเลยล่ะ