บอกตามตรง แอบไม่คิดว่าทางค่ายจะหยิบเรื่องราวของ Hathaway มาทำเป็นเดอะมูฟวี่ฉายลงโรงแบบนี้ ถึงจะพอเข้าใจความประสบสำเร็จจากภาค Unicorn แล้วเหมือนทำให้อดไม่ได้ที่จะทำเรื่องราวของสงครามที่ต่อเนื่องกันมาของจักรวาลจนถึงภาคนี้ ราวกับว่าทางค่ายต้องการเก็บกวาดกันดั้มที่อยู่ในจักรวาล UC ทั้งหมดผลิตเป็นอนิเมะ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องราวของ Hathaway แม้จะไม่เกี่ยวกับภาคก่อนหน้าโดยตรงแต่ก็หยิบยืมเอาอุดมการณ์และแนวทางของตัวละครภาคนั้นมาอยู่เต็ม ๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าพี่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามหรือหาเรื่องให้เปย์กันพลาตัวใหม่ ๆ กันแน่ เพราะขอบอกเลยว่ากันดั้มประจำเรื่องนี้ก็ดีไซน์โดดเด่นเอกลักษณ์ไม่แพ้ตัวอื่นเลยทีเดียว
Mobile Suit Gundam: Hathaway’s Flash เดิมทีเป็นนิยายจากปลายปากกาของ TOMINO Yoshiyuki ออกแบบตัวละครโดย MIKIMOTO Haruhiko ถูกตีพิมพ์ในปี 1989 ของสำนักพิมพ์ Kadokawa Shoten โดยมีจำนวน 3 เล่มจบ และทางสตูดิโอ Sunrise ได้มอบหมายให้ Murase Shukou เป็นผู้กำกับในภาคนี้ โดยได้ Muto Yasuyuki เป็นผู้เขียนบท และ Genma Nobuhiko นำทีมออกแบบดีไซน์หุ่นยนต์ประจำภาค นั่นก็คือ XI Gundam และ Penalope Gundam นั่นเอง ซึ่ง Mobile Suit Gundam: Hathaway’s มีแผนว่าจะทำจำนวนตอนเท่ากับนิยายนั่นก็คือ 3 ภาคด้วยกัน ในส่วนภาคแรกที่ออกมานั้นฉายเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ปี 2021 ที่ผ่าน ความยาว 1.35 ชั่วโมง ส่วนอีกสองภาคที่เหลือยังไม่มีกำหนดฉาย แต่คาดว่าน่าจะเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน
ตัวละคร
Hathaway Noa พากย์เสียงโดย คุณ Ono Kensho
Kenneth Sleg พากย์เสียงโดย คุณ Suwabe Junichi
Gigi Andalucia พากย์เสียงโดย คุณ Ueda Reina
Lane Aim พากย์เสียงโดย คุณ Saitou Souma
Mihessia Hence พากย์เสียงโดย คุณ Matsuoka Misato
เรื่องย่อ
ปี U.C 0105 หลังจากเกิดสงคราม Neo Zeon ครั้งที่สอง หรือ เหตุการณ์กบฏของ Char Aznable มาแล้ว 12 ปี มนุษยชาติเองก็ยังไม่มั่นคงเท่าไหร่นัก ยังเกิดการปะทุ วุ่นวาย ความขัดแย้งทางการเมือง การทุจริต และความเหลื่อมล้ำอยู่ทั่วโลก สมาพันธ์ Mafty ที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Mafty Navue Erin ได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับสหพันธ์โลกโดยเน้นการสังหารผู้ที่นั่งตำแหน่งสูงในสหพันธ์ เพื่อแฉความเน่าเฟะระบบปกครองของสหพันธ์โลก การใช้อภิสิทธิ์ ความไม่เท่าเทียมของผู้มีอำนาจและประชาชนคนธรรมดา แม้พวกเขาจะเป็นศัตรูกับสหพันธ์โลก แต่ก็ได้ใจของประชาชนส่วนหนึ่งอยู่ไม่น้อย เพราะอุดมการณ์ของกลุ่ม Mafty คือการล้มระบบการปกครองและรีเซ็ตขึ้นมาใหม่เพื่อให้ทุกคนได้อยู่กันอย่างเท่าเทียม
โดยเบื้องหลังของ Mafty Navue Erin นั้นคือ Hathaway Noa ลูกชายของ Bright Noa ผู้ที่มีบทบาทสำคัญของสหพันธ์โลก ด้วยอุดมการณ์ต่าง ๆ จากการปฏิวัติครั้งก่อนทำให้ Hathaway Noa ได้ผันตัวมาเป็นศัตรูกับพ่อของตน ในระหว่างที่กลุ่มแอบอ้าง Mafty ได้ทำการปล้นจี้เครื่องบินลำที่ Hathaway Noa ได้โดยสารมาทำให้เขาพบกับ Gigi Andalucia สาวสวยที่แสนฉลาดและลึกลับ กับ Kenneth Sleg ผู้บัญชาการใหม่ไฟแรง ด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่ถูกแอบอ้าง Hathaway Noa ได้ร่วมมือกับ Kenneth Sleg ปราบโจรปล้นเครื่องบินเหล่านั้นจนอยู่หมัด และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แผนการของกลุ่ม Mafty ต้องปั่นป่วนเมื่อทั้งสองได้รู้ตัวตนจริงของเขาเสียแล้ว
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
สำหรับแฟน ๆ กันดั้มที่เคยติดตามกันมาตลอด โดยเฉพาะเป็นแฟนมาตั้งแต่จักรวาล UC แล้วนั้นเป็นอะไรที่ไม่ควรพลาด สิ่งที่ Char Aznable และ Amuro Ray ได้ทิ้งไว้ในตัวของ Hathaway นั้นค่อนข้างฝังแน่นลึก หากมองอีกแง่คงเป็นภาพจำของเขามีเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจึงทำให้เขาเป็นดังเช่นทุกวันนี้ คนที่เคยอ่านนิยายมาก่อนอาจจะรู้ชะตากรรมของตัวเอกเราดีอยู่แล้ว แต่ไม่แน่ว่าทาง Sunrise อาจจะเห็นใจช่วยเปลี่ยนแปลงบทสักหน่อย (ซึ่งคงเป็นไปได้ยากเต็มที) ปฐมบทนี้ค่อนข้างละเอียด หลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเดินตามเส้นต้นฉบับแบบฉากต่อฉากเลยทีเดียว งานภาพไม่ต้องพูดถึง วิวและฉากสวยงามอลังการงานสร้างมากสมกับเป็นสตูดิโอเจ้าใหญ่ของญี่ปุ่น และฉากช่วงแรกในเมือง Davao นั้นเล่นทำเอาใจหายนึกว่าเป็นประเทศไทย
และเพราะเป็นเรื่องราวที่มาจากอุดมการณ์ของตัวละครสำคัญในภาคก่อน ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่ากันดั้มในภาคนี้จะมีเบื้องหลังที่ถูกพัฒนามาจากกันดั้มตัวเดียวกัน กิมมิกของหุ่นยนต์มีความคล้ายกันอย่างมาก เอาตรง ๆ ถ้าใครที่ไม่ได้เป็นแฟนกันดั้มมาแต่แรกอาจดูแล้วชวนแยกยากได้ โดยเฉพาะฉากกลางคืนท้ายเรื่องที่ต้องปะทะกัน แต่ไม่ต้องห่วง ฉากนี้บู้มันส์สุดในภาคนี้แล้ว นอกจากตัวกันดั้มแล้วหุ่นอีกหลายตัวเองก็สวยงามและเท่มากไม่แพ้กัน เห็นแล้วขอบอกเลยว่าเงินในกระเป๋าสั่นมาก
สรุป
ความเป็นปฐมบทของภาคทำให้ Mobile Suit Gundam: Hathaway’s Flash นี้ไม่ค่อยมีฉากตื่นเต้นเท่าไหร่นัก เหมือนกับเป็นภาคที่ปูทางปูพื้นตัวละครหลัก กว่าจะได้เห็นกันดั้มก็ปาไปกลางเรื่องแล้ว และกว่าที่ Hathaway จะได้ขับขี่กันดั้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำเรื่องก็อยู่ช่วงท้าย ๆ จึงได้คะแนนจาก IMDb ไป 6.8 ในขณะที่เว็บไซต์ Myanimelist ได้ไป 7.96 คะแนน ค่อนข้างต่างกันพอสมควร เลยพอจะสรุปได้ว่า สำหรับแฟนกันดั้มคงเป็นนิมิตหมายอันดีที่เรื่องจะดำเนินไปตามต้นฉบับแบบเฟรมต่อเฟรม ส่วนคนที่ไม่เคยติดตามมาก่อนอาจจะรู้สึกงุนงงได้ง่าย โดยเฉพาะในส่วนที่เชื่อมจากภาคแรก ๆ และใครที่อยากจะสัมผัสใกล้ชิดกันดั้มและงานอนิเมะภาพสวยจนขนลุกแล้วล่ะก็ สามารถติดตามได้ที่ Netflix ได้เลยจ้า