ปัจจุบันอนิเมะฉบับมูฟวี่นั้นหาเรื่องที่งานภาพสวย ๆ ไม่ยาก และเพราะฉายโรงภาพยนตร์ยิ่งต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะฉาก ลูกเล่นสีต่าง ๆ ในเรื่อง แต่จะหาอนิเมะที่แสดงเนื้อเรื่องและงานศิลป์ไปพร้อม ๆ กันนี่ค่อนข้างจะหายาก อย่างเรื่อง Kaijuu no Kodomo หรือ Children of the Sea ก็เป็นหนึ่งในเรื่องดังกล่าว แค่เพียงเห็นโปสเตอร์ก็รับรู้ได้ว่าเรื่องนี้คุ้มค่าแก่การเสียเวลาเข้าชมอย่างแน่นอน และเป็นจริงดังนั้น นอกจากเนื้อเรื่องแล้วการเสพงานศิลปะสวย ๆ ของโลกใต้ท้องทะเลก็รู้สึกว่าเต็มอิ่มอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
Children of the Sea ต้นฉบับดั้งเดิมเป็นมังงะจากเรื่อง Kaijuu no Kodomo เขียนโดยอาจารย์ IGARASHI Daisuke ตีพิมพ์ลงนิตยสาร Ikki ของสำนักพิมพ์ Shogakukan ซึ่งออกมาทั้งหมด 5 เล่มจบบริบูรณ์ สำหรับฉบับภาษาไทยยังไม่มีการนำลิขสิทธิ์เข้ามาแปลและจัดจำหน่าย ในส่วนของอนิเมะได้สตูดิโอ Studio 4°C มาเป็นผู้ผลิตให้มีความยาว 1 ชั่วโมง 51 นาที ภายใต้การกำกับของ Watanabe Ayumu ฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ปี 2019 และในบ้านเราสามารถรับชมได้ที่ Netflix ในชื่อเรื่องภาษาไทยว่า รุกะผจญภัยโลกใต้ทะเล
ตัวละคร
Ruka พากย์เสียงโดย คุณ Ashida Mana
Umi พากย์เสียงโดย คุณ Ishibashi Hiiro
Sora พากย์เสียงโดย คุณ Uragami Seishuu
เรื่องย่อ
และแล้ววันปิดเทอมฤดูร้อนก็มาถึง Ruka ที่กำลังฝึกซ้อมกับชมรมรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวมากกว่าวันไหน ๆ ทว่ายังไม่ทันไรเธอกลับถูกเพื่อนร่วมทีมเล่นตุกติกจนล้มตึง Ruka เอาคืนเพื่อนอย่างจงใจทำให้ครูประจำชมรมถึงกับเอือมระอา ยื่นคำขาดว่าหากเธอไม่ขอโทษเพื่อนที่บาดเจ็บก็ไม่ต้องกลับมาที่ชมรมอีกครั้ง ด้วยทิฐิอันแรงกล้าของเด็กสาวทำให้เธอออกจากชมรมอย่างไม่แคร์ เมื่อกลับมาถึงบ้าน Ruka ก็พบกับพฤติกรรมของแม่ที่ทำให้เธอเอือมระอา จึงทำให้นึกถึงความทรงจำในวัยเด็กที่ได้ไปอควาเรี่ยมกับครอบครัวครั้งแรก Ruka จึงตัดสินใจออกจากบ้านเดินทางไปยังอควาเรียมที่พ่อของเธอทำงานอยู่
ที่นั่น Ruka ได้พบกับ Umi เด็กหนุ่มที่เติบโตมากับทะเลอาศัยอยู่ในอควาเรียม และ Sora ที่เปรียบเสมือนพี่ชายของ Umi ที่ ๆ เด็กหนุ่มทั้งสองจากมาค่อนข้างเป็นปริศนา พ่อบอกว่าเมื่อสิบปีก่อนได้พบทั้งคู่ในทะเล พวกเขาเติบโตด้วยการเลี้ยงดูจากพะยูน ทำให้ร่างกายของพวกเขาแตกต่างจากคนปกติทั่วไป โดยเฉพาะผิวหนังที่ไม่สามารถทนกับสภาพบนบกได้นานทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นฤดูร้อนของ Ruka ที่ทำให้เธอจะจดจำไปชั่วชีวิต
Ruka พบว่าทะเลเต็มไปด้วยปริศนาอันยากหยั่งถึง ในขณะที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดทั่วโลก การรวมตัวของสัตว์น้ำในทะเล การเกยตื้นของวาฬและจำนวนปลามหาศาล การโบยบินของเหล่านกที่เหมือนจะมุ่งไปยังทางเดียวกัน เสียงเพลงของวาฬที่มีไว้สื่อสารนั้นแผดดังราวกับเป็นสัญญาณเตือนอะไรบางอย่าง Umi และ Sora เรียกว่าเหตุการณ์นั้นคืองานเทศกาล และพวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อเทศกาลที่ว่านั่น ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสามคนต่างได้พากันผจญภัยในโลกใต้ทะเล พบกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มากมาย Ruka ที่ได้สัมผัสกับชีวิตแห่งท้องทะเลนั้นก็รู้สึกว่าได้เข้าใกล้กับตัวตนของเด็กหนุ่มทั้งสองมากขึ้น
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
บอกตามตรงว่าเนื้อเรื่องช่วงท้ายต้องอาศัยการตีความมากพอสมควร เป็นการผูกเรื่องราวของทะเลกับจักรวาลได้อย่างกลมกลืนอย่างลงตัว ซึ่งตรงนี้อาจทำให้ผู้ชมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่สื่อออกมาของเรื่องสักเท่าไหร่ ได้มองเห็นมุมมองของชีวิตชาวประมงหรือผู้คนที่อยู่ติดกับชายทะเลได้ดี แม้จะไม่มากนัก เป็นการผสมผสานทั้งวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมไปถึงความเชื่อ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วเนื้อเรื่องเหล่านี้ไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องเป็นคนที่รู้เรื่องวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างดีถึงจะเข้าใจหรือเปล่า แต่ถ้าหากไม่ซิเรียสที่จะต้องเข้าใจทุกอย่างที่ในเรื่องสื่อออกมานั้นก็ถือว่าดูแล้วสนุกใช้ได้อีกเรื่องหนึ่งเลย
แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ก็คืองานภาพ ซึ่งตีตั๋วมาชมเฉพาะงานภาพก็คุ้มแล้ว Studio 4°C ได้เนรมิตโลกใต้ทะเลออกมาได้อย่างสวยสดงดงามในแบบที่ฉบับมังงะไม่สามารถสื่อออกมาได้จนหมด เพราะโลกของทะเลไม่ควรจำกัดอยู่แค่สีขาวและดำของหมึกและกระดาษ แต่ควรออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวให้เห็นแสง สี ถึงจะงดงาม และช่วงท้ายที่แสดงให้เห็นงานเทศกาลนั้นมีการใช้กราฟฟิกอย่างจัดเต็มจนทำให้ละสายตาจากฉากเหล่านั้นได้เลย ในส่วนของงานพากย์ ในตัวของ Ruka ได้ Ashida Mana นักแสดงที่มีน้ำเสียงอันทรงพลังทำให้ฉากที่เธอร้องเพลงกล่อมเด็กนั้นฟังแล้วดูน่าขนลุกอยู่ไม่น้อย
สรุป
อาจเป็นเพราะเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความเข้าใจจึงทำให้ได้คะแนนจาก IMDb ไปเพียงแค่ 6.5 คะแนน ในขณะเดียวกันกลับเป็นที่ชื่นชอบในเว็บไซต์ Myanimelist ได้คะแนนมากถึง 7.17 เลยทีเดียว ซึ่งความเห็นส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกันคืองานภาพที่ทำออกมาได้อย่างน่าตื่นเต้นและลึกลับพร้อมกันนั้นก็ยังคงความสวยงามให้น่าค้นหา แม้เนื้อเรื่องจะมีช่องโหว่และใช้งานภาพเล่าเรื่องแทนมากกว่าคำพูด แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเรื่องที่จะทำให้รู้สึกประทับใจ