แม้จะเคยถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมะมาก่อนเมื่อปี 2007 แล้ว แต่ก็เป็นเพียงแค่ฉบับมูฟวี่หนังโรงเท่านั้น เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า Ichinose Kai จบลงตรงที่การเข้าแข่งขันเปียโนครั้งแรกในชีวิต จนกระทั่งมังงะได้เขียนจนถึงตอนจบ ทำให้มีโอกาสได้หยิบยกมาทำเป็นอนิเมะฉบับทีวีซีรีส์อีกครั้ง ครั้งนี้ได้แสดงเรื่องราวทั้งหมดของเรื่องจนถึงตอนจบบริบูรณ์ ซึ่งแฟน ๆ ที่เฝ้ารออนิเมะเวอร์ชั่นนี้ต่างพากันคาดหวังไว้ต่าง ๆ มากมาย แต่เสียดายที่ในไทยกลับไม่ค่อยมีกระแสแรงเท่าไหร่นัก เพราะค่อนข้างอยู่นอกกระแสบวกกับมังงะในบ้านเราก็ดันทิ้งช่วงไปค่อนข้างนาน จึงอาจทำให้เรื่องนี้สำหรับคออนิเมะแล้วไม่ค่อยเป็นที่รู้จักหรือรู้จักเฉพาะกลุ่มเท่านั้น
Piano no Mori ดั้งเดิมเป็นผลงานมังงะของอาจารย์ ISSHIKI Makoto ตีพิมพ์ให้กับนิตยสาร Morning และ Uppers ของสำนักพิมพ์ Kodansha ตั้งแต่ปี 1998 ภาคหลักมีทั้งหมด 26 เล่มจบ และภาค Bunkoban อีก 18 เล่ม ในฉบับภาษาไทยนั้นแปลและจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์เนชั่น ด้วยชื่อภาษาไทยว่า วัยกระเตาะ ตึ่ง ตึง ตึ๊ง แต่ด้วยความที่เว้นระยะไปนานจึงไม่แน่ใจว่าทางเนชั่นได้ปล่อยออกมาจนครบ 26 เล่มหรือไม่ ในส่วนเวอร์ชั่นอนิเมะทีวีซีรีส์ครั้งนี้ผลิตโดยสตูดิโอ Gaina ที่มักสร้างผลงานออริจินัลซะส่วนใหญ่ ภายใต้ฝีมือการกำกับของ Nakatani Gaku ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ซีซั่นด้วยกัน ฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2018 จำนวน 12 ตอน และฉายภาคสองตอนแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2019 อีก 12 ตอน รวมกันแล้วเรื่องนี้มีทั้งหมด 24 ตอนด้วยกัน
ตัวละคร
Ichinose Kai พากย์เสียงโดย คุณ Saitou Souma
Amamiya Shuuhei พากย์เสียงโดย คุณ Hanae Natsuki
Ajino Sousuke พากย์เสียงโดย คุณ Suwabe Junichi
เรื่องย่อ
เรื่องราวจะถูกแบ่งออกเป็นสองช่วง คือช่วงวัยเด็กและช่วงตอนโต โดยเริ่มจากเรื่องราววัยเด็กที่ Amamiya Shuuhei เด็กชายจากเมืองกรุงได้ย้ายโรงเรียนมาอาศัยอยู่ในต่างจังหวัด ด้วยความที่เขารักในการเล่นเปียโนจึงแนะนำตัวบอกกับเพื่อนร่วมชั้นอย่างไม่ลังเลว่าต้องการเป็นนักเปียโนมืออาชีพ ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนร่วมชั้นถึงเปียโนตัวหนึ่งในกลางป่า มักมีเรื่องเล่าประหลาดมาให้ชวนสยองขวัญอยู่เสมอ เช่น พบศพใกล้กับเปียโนบ้าง บางทีก็ได้ยินเสียงดนตรีมาจากในป่าทั้งที่ไม่มีคนเล่น แม้จะชื่นชอบเปียโนแค่ไหน Amamiya Shuuhei ก็รู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย เขาถูกเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้ง จนกระทั่งได้ Ichinose Kai เด็กชายผู้มีใบหน้างดงามราวกับผู้หญิงเป็นคนช่วยเอาไว้ และบอกว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับเปียโนนั้นน่ะไม่เป็นความจริง และเปียโนในป่านั้นเป็นเปียโนของเขาต่างหาก
Kai พา Shuuhei ไปพิสูจน์เปียโนในป่าด้วยตัวเอง ปรากฏว่าเปียโนตัวนี้กลับพังไม่มีเสียงออกมา และ Shuuhei ต้องประหลาดในมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่า Kai สามารถเล่นเปียโนกลางป่าตัวนี้ได้ราวกับเปียโนปกติทั่วไป จึงทำให้ Kai มั่นใจมากขึ้นว่าเพราะเปียโนหลังนี้เป็นของเขา ดังนั้นจึงมีเพียงแต่เขาที่เล่นได้เท่านั้น
หลังจากที่แม่ของ Shuuhei รู้ว่า อาจารย์ Ajino Sousuke เป็นครูสอนดนตรีให้กับลูกชาย จึงมาขอร้องให้ช่วยฝึกฝนลูกชายแต่ทว่ากลับโดนปฏิเสธ Ajino Sousuke คือนักเปียโนที่เก่งกาจระดับประเทศ แต่จู่ ๆ ก็อำลาวงการไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้ใจจะอาลัยกับเปียโนมากเพียงใด แต่ Ajino กลับไม่สามารถเล่นเปียโนได้แบบแต่ก่อนเพราะอาการบาดเจ็บของตน ทว่าหลังจากที่ปฏิเสธการเป็นโค้ชให้กับ Shuuhei เขาก็พบว่า Kai เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์บางอย่างที่น่าผลักดัน เมื่อรู้ว่าอาจารย์ที่เคารพเลือกที่จะเป็นผู้สอนให้กับ Kai ทำให้ Shuuhei รู้สึกทั้งอิจฉา และน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
หลายคนอาจคิดว่าจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องดนตรีคลาสสิกก่อนจะดูเรื่องนี้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่จำเป็น เพราเรื่องราวจะเป็นเกี่ยวกับดนตรีคลาสสิก แต่จะเน้นไปที่ความรู้สึกและเรื่องราวของตัวละครเป็นหลัก และไม่ได้โฟกัสไปที่คนใดคนหนึ่ง เรื่องนี้มีตัวหลักชูโรงอยู่สองคน นั่นคือ Ichinose Kai และ Amamiya Shuuhei แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และพรแสวง และการเป็นคู่แข่งกันของทั้งคู่ พร้อมกับมิตรภาพที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความรู้สึกที่ขัดแย้งในใจ เช่น แม้จะเล่นเปียโนมายาวนาน แต่ Shuuhei ก็รู้สึกว่าตนสู้พรสวรรค์ของ Kai ที่มีความรู้เปียโนแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้เลย จนกลายเป็นความกดดันและความน้อยเนื้อต่ำใจในขณะเดียวกัน Kai เองก็ไม่ได้ผิดที่จะมีความสามารถแบบนั้นและกลายเป็นผู้ที่ถูกเลือก
ในส่วนของงานภาพค่อนข้างอิงกับต้นฉบับอยู่มาก แต่ในส่วนการเล่นเปียโนได้ใช้เทคนิค 3D ทำให้ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีกว่าการเห็นภาพนิ่งที่ไม่เคลื่อนไหวตอนเล่นเปียโน โดยรวมถือว่าไม่ได้แย่ แม้จะตัดรายละเอียดบางส่วนอยู่บ้าง และเน้นไปที่การแข่งขันเปียโน ก็ยังทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างโอเคในระดับหนึ่ง เพราะส่วนที่ตัดคือเรื่องราวความรักของตัวละครหลักที่ไม่ค่อยจำเป็นต่อเรื่องนั่นเอง
สรุป
ความดีงามของดนตรีคลาสสิกบวกกับการพัฒนาการของตัวละคร และการตั้งคำถามระหว่างพรสวรรค์กับพรแสวงทำให้เรื่องนี้ได้คะแนนจากเว็บไซต์ Myanimelist ไปถึง 7.31 และ IMDb 7.1 คะแนน เรื่องจะพาเราได้ทำความเข้าใจกับตัวละคร เรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน อีกทั้งได้เห็นว่าดนตรีคลาสสิกไม่จำเป็นต้องเล่นได้เฉพาะคนระดับสูงเท่านั้น อย่าง Kai ที่เติบโตมาในป่า พื้นฐานครอบครัวไม่ได้ดีนักยังสามารถก้าวไปถึงจุดนักเปียโนมืออาชีพได้อย่างภาคภูมินั่นเอง หากใครที่ต้องการติดตามรับชมเรื่องราวที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจได้อย่างดีเยี่ยมแบบนี้แล้วสามารถหารับชมได้ที่ Netflix ทั้งสองซีซั่นได้เลย