ในปัจจุบันนี้การ์ตูนอนิเมะที่ฮิต และ กลายเป็นกระแสให้พูดถึงกันอย่างกว้างนั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะมีหลาย ๆ อย่างที่มีส่วนคล้ายกัน ซึ่งส่วนที่คล้ายกันนั้นไม่ใช่เนื้อเรื่อง หรือ ความหล่อ ความเท่ ของตัวละคร แต่กลับกลายเป็นการใช้พลังวิเศษของตัวละครต่าง ๆ เข้าต่อสู้กัน ซึ่งเอาตรง ๆ แล้วเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่แปลกใหม่หรอกในโลกของอนิเมะญี่ปุ่นที่มีมาอย่างยาวนาน
แต่สิ่งที่ทำให้การใช้พลังวิเศษของอนิเมะในปัจจุบันนั้นมีความน่าสนใจมากขึ้นนั่นก็เพราะมีหลาย ๆ เรื่องที่ได้อธิบายถึงข้อจำกัดในการใช้พลังเหล่านี้ออกมาได้อย่างสมจริงมากขึ้น แถมตัวละครต่าง ๆ ที่มีพลังวิเศษในปัจจุบันก็ไม่ได้สักแต่จะใช้พลังอันมหาศาลของพวกเขาออกมาทั้งหมด จนทำให้มันมีรูปแบบของการใช้พลังต่าง ๆ อันน่าจดจำเกิดขึ้นนั่นเอง
และด้วยเหตุผลเหล่านั้นจึงทำให้ในวันนี้เราจะขอพาทุก ๆ คนไปพบกับเรื่องราวของ ระบบพลังในการต่อสู้ที่ถูกทำออกมาได้ยอดเยี่ยมในอนิเมะ กัน ซึ่งจะมีอนิเมะเรื่องไหนบ้าง และ แต่ละเรื่องจะมีรูปแบบการใช้พลังงานอย่างไรบ้าง เอาเป็นว่า เราไปเริ่มต้นเรื่องราวในครั้งนี้กันเลยดีกว่า
Ki จาก Dragon Ball Z
เราเชื่อว่าแค่ชื่อหัวข้อของอันนี้ต่อให้คนที่ดูดราก้อน บอล มาแล้วเกือบทุกภาคก็อาจจะเกิดอาการงงกันเล็กน้อยว่า ไอ้สิ่งที่เรียกว่า Ki นั่นคืออะไร และ มันเป็นพลังใหม่หรือเปล่า ซึ่งเราบอกว่าจริง ๆ แล้วไอ้สิ่งที่เรียกว่า Ki นี้ คุณค่อนข้างที่จะเห็นกันจนชินตาแล้วในเรื่องดราก้อนบอล เพราะไอ้เจ้า Ki นี้ก็คือลูกพลังต่าง ๆ ที่บรรดาเหล่าตัวละครในเรื่องปล่อยออกมานั่นแหละ
โดยเจ้า Ki นี้มันจะเกิดมาจากการที่ตัวละครเหล่านั้นรีดเร้น และ เผาผลาญพลังที่มีอยู่ในร่างกายของตัวเองจนออกมากลายเป็นลูกพลังในรูปแบบต่าง ๆ โดยการที่จะใช้ความสามารถนี้ได้นั้นตัวละครนั้นจำเป็นจะต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา แต่ทว่าก็ยังมีตัวละครอีกหลาย ๆ ตัวเลยที่สามารถใช้พลังนี้ด้วยเหตุผลทางสายเลือดก็มี แถมเจ้า Ki นี้มันจะมีมากหรือน้อยมันก็ยังขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ของผู้ที่ใช้อีกด้วย
นอกจากนั้นไอ้รูปแบบของ Ki นี้มันยังสามารถที่จะนำไปต่อยอดในการใช้วิชาอื่น ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากดึงพลังในส่วนนี้มากไปมันก็อาจจะทำให้ตัวของผู้ใช้หมดแรงไปเสียก่อน หรือ บางทีมันก็อาจจะถึงความตายได้เลย และหนึ่งในวิชาที่อันตรายแบบสุด ๆ ในการดึงเอา Ki นี้ออกมาใช้นั่นก็คือ วิชาหมัดไคโอชิน ที่โกคูเคยใช้เมื่อครั้งอดีต และ งัดมันออกมาใช้อีกครั้งในการต่อสู้ระดับจักรวาล
วิชาปราณต่าง ๆ จาก Kimetsu no Yaiba
แน่นอนว่าสิ่งที่เรียกว่าปราณของดาบพิฆาตอสูรนั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้อนิเมะเรื่องนี้ฮิต และ โด่งดังเป็นอย่างมาก โดยการที่บรรดาเหล่านักดาบในเรื่องจะสามารถใช้ปราณต่าง ๆ ได้นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
โดยการจะใช้ปราณต่าง ๆ ในเรื่องนี้เริ่มต้นนั้นมันจะต้องมาจากการฝึกหายใจอย่างถูกต้องให้ได้เสียก่อน และหลังจากฝึกการหายใจได้แล้วพวกเขาจึงจะนำมันมารวมกับเพลงดาบที่ใช้ ซึ่งเอาจริงตัวอาจารย์ผู้เขียนได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ไอ้พวกสายน้ำ สายฟ้า หรือแม้แต่เปลวเพลิงที่เราเห็นในตัวอนิเมะนั้น จริง ๆ แล้วมันไม่ได้โผล่ออกมาจริง ๆ ในสายตาของคนธรรมดา แต่ทว่ามันจะมองเห็นได้เฉพาะเหล่าอสูร หรือ ผู้ที่ใช้ปราณด้วยกันเท่านั้น
โดยผู้คิดค้นวิธีการใช้ปราณนี้ก็คือ นักดาบสุดเทพของเรื่องอย่าง สึกิคุนิ โยริอิจิ ซึ่งเขาคนนี้นี่แหละคือผู้คิดค้นปราณตะวันซึ่งเป็นกระบวนท่าที่เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์ที่บรรดาเหล่าอสูรนั้นหวาดกลัว และหลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มเผยแพร่แนวคิดของปราณตะวันออกไปแก่นักดาบคนอื่น ๆ เพื่อใช้ในการรับมือกับเหล่าอสูร แต่สุดท้ายแล้วปราณตะวันก็ค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เพราะนักดาบแต่ละคนก็มีการปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับสไตล์การต่อสู้ของตัวเอง จนทำให้ในที่สุดมันก็แตกแขนงออกเป็นรูปแบบปราณสายต่าง ๆ
ส่วนเงื่อนที่มันค่อนข้างน่าสนใจนั่นก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่สามารถใช้การหายใจได้อย่างเต็ม หรือ เกิดอาการเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ การจะใช้ปราณต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ลดลงเพราะทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับการหายใจนั่นเอง
การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม จาก Fullmetal Alchemist
คำเรียกของ กฎ นี่มันเป็นอะไรค่อนข้างเท่เอามาก ๆ เวลาที่มันปรากฏขึ้นในเรื่อง โดยเจ้ากฎนี้มันได้ไอเดียมาจากเรื่องราวความเชื่อในการเล่นแร่แปรธาตุในอดีตที่มีคนพยายามจะเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ ให้กลายเป็นทอง ดังนั้นเรื่องนี้จึงได้ใส่กฎข้อนี้เข้าไป โดยเจ้ากฎนั้นก็คือ การที่จะได้อะไรมาสักอย่าง ก็จะต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่เท่ากันเพื่อให้ได้มานั่นเอง
โดยการจะใช้พลังนี้ได้นั้นผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และ ฝึกฝนมันจนกว่าจะชำนาญ แถมมันก็ไม่สามารถที่จะใช้ได้ง่าย ๆ เนื่องจากตัวผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องมีวงแหวนพิธีกรรมติดตัวเอาไว้ตลอดเวลาจะใช้ ซึ่งในเรื่องแต่ละคนก็จะใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุในรูปแบบต่างกันไป โดยสิ่งที่แต่ละคนต้องจ่ายไปนั้นก็มีความยากง่ายแตกต่างกันไป
แต่สิ่งที่น่าจะสะเทือนใจมากที่สุดและกลายเป็นภาพจำของเรื่องนี้เลยนั่นก็คือ การพยายามของพระเอกที่จะพยายามชุบชีวิตแม่ของเขาขึ้นมา จนทำให้ประตูแห่งแก่นแท้เปิดขึ้น และ ดึงเอาร่างน้องชายของเขาไป และนั่นเองจึงทำให้ตัวเอกของเราตัดสินใจที่จะยอมเสียแขน และ ขาของเขาไปเพื่อดึงเอาเพียงแค่วิญญาณของน้องเขาเข้าไปในร่างของชุดเกราะ และนั่นเองคือเงื่อนไขการใช้พลังของอนิเมะเรื่องนี้ ที่บอกได้เลยว่าโคตรเท่ และ เป็นการแสดงให้เห็นถึงว่าไม่มีอะไรหรอกที่เราจะได้มาแบบฟรี ๆ
พลังที่เรีกว่าอัตลักษณ์ จาก My Hero Academia
โดยเรื่องก่อนหน้าที่เราได้กล่าวถึงไปนั้น พลังวิเศษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนนั้นมันมักจะมาจากการที่ตัวละครเหล่านั้นฝึกวิชาต่าง ๆ หรือ เรียนรู้จนสามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ทว่าในอนิเมะเรื่องนี้มันกลับแตกต่างไปกว่านั้น เพราะว่าในเรื่องนี้ พลังวิเศษ คือพลังที่เกิดขึ้นติดตัวของผู้คนเลย ซึ่งบางพลังก็อาจจะยิ่งใหญ่แบบสุด ๆ แต่บางพลังก็อาจจะดูธรรมดา
แต่พระเอกของเรื่องอย่าง เดกุ กลับเป็นคนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่เกิดมาบนโลกแล้วไม่มีพลังวิเศษ แต่ด้วยความเป็นคนจิตใจดีของเขานี่แหละที่ทำให้สุดท้ายแล้วเขาก็ได้รับการยอมรับจากฮีโร่อันดับหนึ่ง และ ได้พลังสุดแกร่งอย่าง All for One มาใช้ แต่การที่จะใช้พลังอันสุดยอดนี้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะกว่าที่ตัวของพระเอกเราจะสามารถปรับระดับความแรงของหมัดที่ชกออกไปได้มันก็ทำเอามือหัก กระดูกแตกไปหลายสิบรอบ
แถมเงื่อนไขเหล่านี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นกับพระเอกเพียงคนเดียว เพราะบรรดาเหล่าผู้มีอัตลักษณ์พลังต่าง ๆ ในเรื่องนี้ก็ยังมีเงื่อนไขในการใช้พลังเช่นต้องดื่มเลือดของคนอื่นก่อนถึงจะใช้ได้ หรือ การต้องสัมผัสร่างกายของฝ่ายตรงข้ามให้ครบ 5 นิ้วก่อนถึงจะใช้ได้ แถมบางคนยังจำต้องใช้พลังอย่างไฟ และ น้ำแข็งคู่กันเพื่อไม่ให้ร่างกายของตัวเองรับภาระจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปอีกด้วย
และนี่ก็คือ ระบบพลังในการต่อสู้ที่ถูกทำออกมาได้ยอดเยี่ยมในอนิเมะ ที่เราได้นำเอามานำเสนอให้ทุกคนได้ดูกัน แต่เชื่อไหมว่านี่มันยังเป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะยังมีอนิเมะอีกหลายเรื่อง ๆ เลยที่สามารถดีไซน์พลังพวกนี้ออกมาได้ดี ซึ่งเอาไว้ครั้งหน้าเดี๋ยวเราจะมาพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้กันต่อ