สำหรับหลาย ๆ คนนั้นน่าจะเคยได้เรียนจากตำราเรียนกันมาว่า มนุษย์ของเรานั้นมีวิวัฒนาการที่พัฒนามากว่าสัตว์ชนิดอื่น ๆ อยู่มาก โดยเริ่มต้นจากการได้รู้จักกับไฟ และ หลังจากนั้นก็เริ่มต้นในการเพาะปลูก และ จับสัตว์ต่าง ๆ มาเพื่อในระบบของปศุสัตว์เพื่อที่มีอาหารไว้ใช้กินในยามขาดแคลนนั่นเอง แต่จะเป็นอย่างไรกันละถ้าจู่ ๆ แล้ว วันหนึ่งหนึ่ง มนุษย์ไม่ได้เป็นจุดสูงสุดของปีรามิดห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป เพราะว่ามนุษย์นั้นกลับถูกเลี้ยงเอาไว้เพื่อเป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้มันจะเกิดขึ้นในอนิเมะอย่างเรื่อง The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์
The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ นั้นถือได้ว่าเป็นอนิเมะอีกเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาค่อนข้างตื่นเต้น และ น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเรื่องนี้ได้ถูกสร้างมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นขายดีซึ่งเป็นผลงานการวาดของอาจารย์ Shirai Kaiu ที่ออกตีพิมพ์ในปี 2016 และเมื่อได้มาเป็นผลงานในรูปแบบของอนิเมะแล้ว ตัวเรื่องของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ จะถูกแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 2 ซีซั่นด้วยกัน
โดยเรื่องย่อของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ ในซีซั่นที่ 1 นั้นจะเล่าถึงเรื่องราวของเด็ก ๆกำพร้าที่ถูกเลี้ยงโดแม่บุญธรรม ซึ่งการเลี้ยงดูของเธอนั้นจะเป็นการเตรียมพร้อมให้พวกเขาสามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้เมื่อมีอายุ 12 ปีนั่นเอง ซึ่งเรื่องราวมาถึงตรงนี้มันก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แต่แล้ววันหนึ่งเด็ก เอมม่า กับ นอร์แมน ก็ได้ไปรับรู้เรื่องราวของสถานที่ซึ่งเรียกว่าฟาร์มเข้า โดยสถานที่แหงนั้นคือที่เพาะพันธ์อาหาหรของเหล่าปีศาจ และ สิ่งที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ในฟาร์มนั่นก็คือ เด็ก ๆ ในบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างพวกเขานี่เอง และนั่นเอง จึงทำให้ทั้ง นอร์แมน และ เอมม่า ต่างก็ชวน เรย์ หนึ่งในเด็กที่มีความฉลาดพอ ๆ กับพวกเขา เพื่อหนีออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ให้ได้
ซึ่งอยากจะบอกว่าสิ่งแรกที่เรื่อง The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ สามารถสอบผ่านได้อย่างมากเลยนั่นก็คือ การวางคาแร็คเตอร์ตัวละครหลักทั้ง 3 ตัวนี่แหละ เพราไม่ว่าจะเน นิสัย หรือ บุคลิก ทั้ง 3 ตัวละครนั้นก็ค่อนข้างที่มีความเป็นปัจเจกเฉพาะตัวอยู่สูงมากเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น เอมม่า ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่มีความคล่องแคล่ว อ่อนโยน ส่วนตัวของ นอร์แมน ก็เป็นคนที่มีความสุขุมรอบคอบอยู่ตลอดเวลา แถมยังมีความฉลาดในการวางแผน และยังมีมันสมองที่ดีที่สุดในกลุ่ม
ส่วน เรย์ ก็ถือได้ว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถในเชิงบาลานซ์เหมือกับการเอาตัวของ นอร์แมน และ เอมม่า มาไว้ในคน ๆ เดียวกันนั่นเอง
และนอกจากนั้นตัวละครเด่น ๆ ทั้ง 3 ตัวนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยของเรื่อง The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ นั่นก็คือ พล็อตเรื่อง เพราะว่าเนื้อเรื่องในช่วงซีซั่นแรกนั้นถือได้ว่าเป็นอะไรที่ทำมาได้อย่างลงตัวแบบสุด ๆ เนื่องจากมันสามารถที่จะเล่าเรื่องได้อย่างราบรื่น และ กระชับไม่ยืดเยื้อ และไม่พาคนดูหลงทิศ หลงทาง นอกจากนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นเสียพากย์ รวมถึง เอฟเฟ็คต่าง ๆ ของเรื่องก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี จนทำให้ผู้ชมนั้นต้องลุ้นระทึกไปกับบรรดาเหล่าเด็กทั้ง 3 คนว่าจะสามารถหนีออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ได้ทันเวลาหรือไม่ และพวกเขาจะทำอย่างที่จะตบตามาเธอร์ในบ้านหลังนี้ให้ ซึ่งบอกเลยว่าถ้าคุณคิดว่าเด็กทั้ง 3 คนนี้ฉลาดแล้ว คุณต้องเจอมาเธอร์ซะก่อน แล้วคุณจะรู้เลยว่า ความฉลาดของเจ้าเด็ก 3 คนนี้ยังห่างไกลยิ่งนัก
ส่วนเนื้อเรื่องของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ ซีซั่นที่ 2 นั้นจะเป็นภาคจบของเรื่องราวทั้งหมด โดยจะเล่าถึงเด็ก ๆ ที่สามารถหลบหนีออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ และนั่นเองก็ทำให้พวกเขาต้องพบว่า แท้จริงแล้วโลกใบนี้ได้กลายเป็นของปีศาจไม่หมดแล้วนั่นเอง มันจึงทำให้พวกเขาต้องหาทางเอาตัวรอดกันต่อในโลกที่พวกเขาไม่รู้จักอีกต่อไป โดยสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถเพิ่งได้ในตอนนี้นั่นก็คือ บันทึกปริศนาของคนที่ชื่อ วิลเลียม มิเนอร์วา
และแน่นอนว่าเมื่อซีซั่นแรกของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ นั้นได้วางมาตรฐานเอาไว้ค่อนข้างดี จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลาย ๆ คนถึงคาดหวัง และ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ ซีซั่น 2 ก็ไม่ทำให้หลาย ๆ คนผิดหวัง เพราะว่ามันยังสามารถเก็บได้ครบทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เศร้า ลุ้นระทึก รวมไปถึงความสิ้นหวังที่สาดใส่เข้ามากันแบบไม่หยุดยั้ง แถมในซีซั่น 2 นี้ตัวเนื้อเรื่องก็ยังสามารถขยายสเกลของเรื่องให้ดูอลังการขึ้นได้มากกว่าเดิมอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
แถมไอ้การขยายสเกลเรื่องของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ ก็สามารถช่วยเพิ่มความน่าตื่นเต้นได้ค่อนข้างมาก เพราะว่าในเนื้อเรื่องของ ซีซั่นแรก นั้นมันแทบจะไม่เล่าถึงเรื่องราวในส่วนของโลกภายนอกเลย จึงทำให้เรานั้นแทบเดาไม่ถูกไปพร้อมกับเด็ก ๆ เลยว่าพวกเขาจะต้องทำยังไงกันต่อไป
แถมพอเล่ามาถึงกลาง ๆ เรื่องในซีซั่นที่ 2 แล้วจากเดิมที่เราคิดว่าเนื้อเรื่องของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ มันน่าจะหมดมุขไปแล้ว แต่มันกลับมีอะไรที่ทำให้เราให้เรารู้สึกเซอร์ไพร์ แถมการเผชิญหน้ากับปีศาจของเหล่าเด็ก ๆ เองก็สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างน่าตื่นเต้นทีเดียวเลย แต่ก็น่าเสียดายที่ในเวอร์ชั่นอนิเมะนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงตอนจบของเรื่องที่ให้แตกต่างกับเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนไปสักนิด แถมในตอนท้ายก็ดูเหมือนว่าตัวเนื้อเรื่องของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ จะรีบเดินเรื่องไปหน่อย จนทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายเกินไป
อีกสิ่งหนึ่งที่เราคิดว่ามันเป็นประเด็นค่อนข้างน่าสนใจของเรื่อง The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ นั่นก็คือการเอาพล็อตเรื่องที่เล่าถึงมนุษย์ที่สุดท้ายต้องกลายมาเป็นอาหารให้กับพวกปีศาจ ซึ่งไอ้ประเด็นเหล่านี้นี่แหละที่มันได้มีการโยนเอาถึงเรื่องราวของสังคมมนุษย์ รวมถึง การเมือง เข้ามาเป็นส่วนผสม และ ทำให้สุดท้าย มนุษย์กับปีศาจต่างก็ต้องแยกออกจากกันไปคนละมิติ และ ปีษาจเองก็ต้องสร้างฟาร์มมนุษย์เพื่อดำรงชีวิต แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ไม่จำเป็นต้องกินเนื้อมนุษย์ก็สามารถอยู่ได้โดยร่างกายไม่สูญเสียสติ แต่มันก็เป็นเฉพาะเหล่าปีศาจชั้นสูงเท่านั้น และนั่นเองก็ได้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่แม้แต่ปีศาจเองก็ยังมีสิ่งนั้น
ส่วนจุดอ่อนของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ นั้นเราก็ขอยกให้กับเรื่องราวในตอนจบนี่แหละ เพราะว่าเรื่องราวในอนิเมะนั้นจะทำการปิดฉากลงด้วยดี โดยที่มันไม่ได้บอกรายละเอียดสำคัญแบบลึก ๆ ของการที่ตัวของ เอมม่า เข้าไปคุยกับต้นกำเนิดของพวกปีศาจ แต่มันกลับเลือกที่จะมานำเสนอแบบรวดเร็ว และ รวบลัดในช่วงเวลา 5 นาทีสุดท้ายของเรื่อง แต่มันก็ยังถือได้ว่ามันสามารถสรุปจบทุกเรื่องราวได้ดี และ ไม่มีปมอะไรให้เราคาใจ
โดยถ้าจะให้พูดสรุปโดยรวมแล้วละก็ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอนิเมะชั้นดีอีกเรื่องที่สามารถเล่าถึงเรื่องราวความตื่นเต้นลุ้นระทึก ในการวางแผนได้ค่อนข้างดี แถมคาแร็คเตอร์ตัวละครต่าง ๆ ที่เป็นตัวหลักของเรื่องก็สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดี และ มีเอกลักษณ์อันน่าจดใจเป็นอย่างมาก แต่จะเสียอย่างเดียวก็คือช่วงท้ายเรื่องที่ค่อนข้ารวบรัด และ ดูง่ายเกินไปสักหน่อย แถมตอนจบก็ยังค่อนข้างดูไม่สมศักดิ์ศรีกับการที่ปูเรื่องมาขนาดนี้อีกด้วย
แต่ถึงยังไงก็ตาม ความสนุกของ The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ เองก็ไม่ได้ลงเลย ดังนั้นนี่คืออีกหนึ่งอนิเมะอันยอดเยี่ยมที่เราอยากให้คุณหาเวลาว่างมาดูกัน