หลังจากสร้างความประทับใจอย่างท้วมท้นมาแล้วในเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์อย่าง Violet Evergarden เรื่องราวของหญิงสาวที่เคยเป็นอาวุธมนุษย์ หลังสงครามสิ้นสุดลงเธอได้มาทำงานเป็น Auto memory doll ในสำนักงานไปรษณีย์แห่งหนึ่ง ณ กรุงลอนดอน ได้เจอเรื่องราวและผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความเหงา เศร้า ความรัก เพราะเธอต้องการเรียนรู้ความรู้สึกของคำพูดคำหนึ่งของอดีตผู้บัญชาการที่เคยให้ไว้ก่อนที่จะไม่ได้พบกัน นั่นก็คือคำว่า “ฉันรักเธอ”
Violet Evergarden มาจากไลท์โนเวลที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดของสตูดิโอ Kyoto Animation ซึ่งปัจจุบันออกมา 3 เล่มจบ เขียนโดยอาจารย์ AKATSUKI Kana และออกแบบตัวละครโดย TAKASE Akiko ก่อนจะถูกมาทำเป็นอนิเมะทีวีซีรีส์เมื่อปี 2018 โดยสตูดิโอ Kyoto Animation หรือที่รู้จักกันว่าเกียวอนิ ที่เคยสร้างผลงานคุณภาพมาแล้วหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Clannad หรือ Koe no Katachi และอีกมากมาย โดยเรื่องนี้ได้ Ishidate Taichi และ Fujita Haruka ร่วมมือกันกำกับ ฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 กันยายน ปี 2019 ความยาว 1 ชั่วโมง 31 นาที ซึ่งเป็นเดอะมูฟวี่ของซีรีส์นี้ตัวแรก
ตัวละคร
Violet Evergarden พากย์เสียงโดย คุณ Ishikawa Yui
Isabella York พากย์เสียงโดย คุณ Kotobuki Minako
Taylor Bartlett พากย์เสียงโดย คุณ Yuuki Aoi
Benedict Blue พากย์เสียงโดย คุณ Uchiyama Kouki
เรื่องย่อ
Violet Evergarden ได้ถูกมอบหมายให้ไปทำงานเป็นครูสอนพิเศษแก่ Isabella York ลูกสาวขุนนางชั้นสูงเพื่อให้สามารถเข้าสังคมและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้อย่างที่ลูกขุนนางสมควรจะเป็นเวลาสามเดือน ด้าน Isabella York ที่ในใจลึก ๆ มีความต่อต้านสิ่งที่เธอเป็นเมื่อเห็น Violet Evergarden จึงไม่ยอมเปิดใจและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้อีกฝ่ายเอือมระอา และรู้สึกไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นครูพิเศษของตนสามารถทำกริยาท่าทางได้สมเป็นชนชั้นขุนนางอย่างไม่มีที่ติ ในขณะเดียวกันเพื่อนร่วมชั้นต่างก็พากันอิจฉาเธอที่มีผู้ติดตามให้ความสำคัญประหนึ่งอัศวินพิทักษ์เจ้าหญิง
Isabella York มีความลับเกี่ยวกับอดีตตัวตนของเธอที่ไม่เคยบอกใคร เธอเคยมีน้องสาวที่อยู่ด้วยกันชื่อ Taylor ด้วยเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอกับน้องสาวต้องพลัดพรากจากกัน และช่วงระยะเวลาที่ได้อยู่ร่วมกับ Violet นั้น Isabella ถูกดูแลอย่างดี ทำให้เธอค่อย ๆ เปิดใจกับอีกฝ่าย จนกระทั่งงานเลี้ยงเต้นรำแรกที่ต้องปรากฏตัวในฐานะหญิงสาวชนชั้นสูงในสังคมคนหนึ่ง Isabella จึงตัดสินใจขอให้ Violet เขียนจดหมายให้กับน้องสาวของเธอพร้อมกับเล่าเรื่องความจริงทั้งหมด
สามปีผ่านไป Taylor Bartlett เติบโตเป็นเด็กหญิงที่ร่าเริงและแจ่มใส เธอแอบหนีออกจากบ้านเด็กกำพร้าเพื่อตามหา Violet Evergarden ในขณะที่อยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์ก็ได้พบกับ Benedict Blue ชายผู้ที่เคยส่งจดหมายให้เธอเมื่อสามปีก่อน Benedict พาเธอไปพบ Violet และเธอก็ได้ประกาศก้องว่าต้องการเป็นบุรุษไปรษณีย์เพื่อต้องการส่งความสุขให้กับทุกคนที่ได้รับมัน แต่ด้วยความที่เธอยังเด็กเกินไป และยังหนีออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าทำให้เธอทำได้เพียงแค่เป็นผู้ช่วยชั่วคราวเท่านั้น Taylor อยู่ภายใต้การดูแลของ Violet แต่ทว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับเธอในการเป็นบุรุษไปรษณีย์นั้นก็คือ เธอยังไม่สามารถอ่านหนังสือได้ เพื่อจะให้สามารถทำงานได้เธอจึงต้องเรียนรู้ทุกอย่างพร้อมกับหน้าที่ของตัวเอง
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
ขึ้นชื่อว่าสตูดิโอ Kyoto Animation ขอบอกเลยว่างานนี้คุ้มทั้งงานภาพและเนื้อเรื่อง รวมไปถึงงานเพลง เรียกว่าส่วนผสมทุกอย่างลงตัวอย่างไม่มีที่ติ ในส่วนของเนื้อหา หากเคยประทับใจเรื่องราวมาจากฉบับทีวีซีรีส์มาแล้วรับรองว่าฉบับเดอะมูฟวี่นี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน มีทั้งความประทับใจ ซาบซึ้งถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์ของตัวละคร ทำเอาน้ำตาซึมไปตาม ๆ กัน โดยเนื้อเรื่องจะแบ่งออกเป็นสองพาร์ท คือพาร์ทของทาง Isabella York และ Taylor Bartlett โดยมีตัวเชื่อม Violet Evergarden แม้ชื่อเรื่องจะเป็นของเธอ แต่เนื้อหานำเสนอเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอเสียมากกว่า เซ็ตติ้งเป็นยุโรปหลังสงครามโลก เมื่อคิดถึงการสื่อสารในสมัยนั้นจะยิ่งอินไปกับการสื่อสารระหว่างผู้คนกับจดหมายมากขึ้น
ปัจจุบันการสื่อสารระหว่างผู้คนนั้นรวดเร็ว อยู่อีกซีกโลกก็สามารถติดต่อกันได้ แต่สมัยก่อนไม่ใช่แบบนั้น จำเป็นต้องมีที่อยู่เพื่อส่งจดหมาย หากย้ายที่อยู่หรือขาดการติดต่อไปอาจจะทำให้ไม่สามารถได้พบเจอกันอีกเลย ดังนั้นจึงทำให้การเขียนจดหมายเพื่อสื่อสารความในใจระหว่างกันจึงมีเสน่ห์อย่างมาก และมองว่าเป็นบุรุษไปรษณีย์คือผู้ส่งความสุขอย่างที่ Taylor ได้กล่าวเอาไว้ไม่มีผิด
ในส่วนของงานภาพ เมื่อลองดูแล้วจะพบว่าแทบไม่ใช้เทคโนโลยี 3D เลย ซึ่งเกียวอนิไม่เคยทำให้ผิดหวังเรื่องงานภาพในทุก ๆ งานที่นำเสนอออกมา โดยเฉพาะฉบับเดอะมูฟวี่ แสง สี ในงานสัมผัสได้ถึงกรุงลอนดอนสมัยนั้นได้อย่างน่าคิดถึง รวมทั้งงานเพลงที่ได้ Minori Chihara มาขับร้องในบทเพลง Amy ฟังแล้วเข้ากันกับเนื้อเรื่องสุด ๆ ทำให้โดยรวมของเรื่องไม่มีตรงไหนที่สะดุดเลย
สรุป
เรื่องนี้ได้คะแนนจาก IMDb ไป 7.5 และเว็บไซต์ Myanimelist มากถึง 8.4 คะแนน ไม่แตกต่างจากฉบับทีวีซีรีส์เท่าไหร่ นั่น แสดงให้เห็นว่าเนื้อหาของเรื่องยังคงสร้างความประทับใจไม่มีดรอปลง หากใครที่เคยชมผลงานของค่ายนี้มาโดยตลอดจะรู้ว่าอนิเมะที่เน้นเรื่องความรู้สึกและอารมณ์เป็นงานถนัดของสตูดิโอ Kyoto Animation ใครที่ต้องการติดตามหารับชมสามารถดูทั้งเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์และเดอะมูฟวี่ได้เลยที่ Netflix