ดาบพิฆาตอสูร ความสำเร็จที่ฉุดไม่อยู่กับ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฉบับทีวีซีรีส์ไปแล้วอย่าง Kimetsu no yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูร นั้น ทางสตูดิโอ ufotable ก็ได้ประกาศทำภาค เดอะมูฟวี่ ฉายต่อในโรงภาพยนตร์แทบจะในทันที เรียกได้ว่าตีเหล็กตอนที่กำลังร้อนจัด ๆ เลยทีเดียว ซึ่งในภาคนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ต่อมาจากฉบับทีวีซีรีส์ และแน่นอนว่าภาค 2 ฉบับทีวีซีรีส์ก็จะเป็นเนื้อเรื่องที่ต่อจากภาคเดอะมูฟวี่อีกที ดังนั้นแล้วแฟน ๆ ของดาบพิฆาตอสูรจำเป็นจะต้องตามเก็บให้ครบทุกภาค ไม่เช่นนั้นอาจจะดูไม่ปะติดปะต่อกันเอาได้ ซึ่งตัวภาคเดอะมูฟวี่นี้ก็ทุบทำลายสถิติด้วยยอดเข้าชมอย่างถล่มทลาย ถือเป็นปรากฎการณ์ของวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

Kimetsu no Yaiba Movie: Mugen Ressha-hen หรือ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เป็นผลงานกำกับของ Sotozaki Haruo เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่เคยทำมาตั้งแต่ฉบับทีวีซีรีส์ โดยครั้งนี้ก็ยังได้ LiSA ที่เคยฝากผลงานเพลงเปิดไว้มาทำเพลงประกอบให้อีกครั้งในชื่อว่า Homura ที่แปลว่าไฟ ดังนั้นแล้วเรื่องราวของภาคนี้จะมีเสาหลักไฟคนหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นตัวเด่นและเป็นจุดพลิกพลันของเรื่องคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ภาคนี้มีความยาว 1 ชั่วโมง 56 นาที ฉายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ปี 2020 ที่ผ่านมา ทันทีที่เปิดตัวก็ทะยานเข้าสู่อันดับหนึ่งภาพยนตร์ทำเงินที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่นานหลายเดือนเลยทีเดียว 

อย่างที่ทราบกันว่า Kimetsu no Yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูร เป็นผลงานมังงะของอาจารย์ GOTOUGE Koyoharu หรืออาจารย์เข้ ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Shuukan Shounen Jump ของสำนักพิมพ์ Shueisha และออกรวมเล่มมาแล้วทั้งหมด 23 เล่มจบด้วยกัน โดยทางไทยเองก็ได้ลิขสิทธิ์และจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมมิค แม้เรื่องราวในมังงะจะจบไปแล้วแต่กระแสยังคงติดลมบนไม่เปลี่ยนแปลง และคาดว่ากระแสจะยังคงอยู่ไปอีกสักพักใหญ่ ๆ หรือจนกว่าอนิเมะซีซั่นสุดท้ายจะฉายจบลง 

ตัวละคร 

Kamado Tanjirou พากย์เสียงโดยคุณ Hanae Natsuki

Kamado Nezuko พากย์เสียงโดยคุณ Kitou Akari

Agatsuma Zenitsu พากย์เสียงโดยคุณ Shimono Hiro

Hashibira Inosuke พากย์เสียงโดยคุณ Matsuoka Yoshitsugu

Rengoku Kyoujurou พากย์เสียงโดยคุณ Hino Satoshi

Akaza พากย์เสียงโดยคุณ Ishida Akira

เรื่องย่อ 

ด้วยการแนะนำของ Kochou Shinobu ทำให้พวก Tanjirou ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับ Rengoku Kyoujurou เสาหลักเพลิงที่กำลังตามคดีคนหายตัวไปอย่างลึกลับบนขบวนรถไฟอนันต์ ซึ่งคาดเดาได้อย่างไม่ยากว่าเป็นฝีมือของอสูรอย่างแน่นอน แต่ทว่าส่งหน่วยพิฆาตมากี่คน ๆ กลับต้องสูญหายไปเสียหมดทำให้เสาหลักอย่าง Rengoku จำเป็นต้องลงพื้นที่ด้วยตนเอง ทว่าหลังจากโดยสารรถไฟเดินทางไปได้เพียงไม่นาน Tanjirou ก็ได้พบกับครอบครัวของตนเองที่อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ราวกับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขาเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น 

Enmu อสูรที่หลงเหลือจากการยุบหน่วยอสูรข้างแรมโดย Muzan หมายมั่นจะกลืนกินผู้โดยสารบนรถไฟขบวนอนันต์ทั้ง 200 คนนั่นเสีย แต่ทว่ากลับมีหน่วยพิฆาตอสูรโดยสารมาด้วย รวมไปถึงเสาหลักเพลิงอย่าง Rengoku ทำให้ Enmu ต้องวางแผนอย่างนุ่มลึกยิ่งขึ้น เขาได้ใช้พลังเพื่อกล่อมให้ทุกคนในขบวนเข้าสู่การหลับใหลในความฝันอันสวยงาม ก่อนจะส่งเด็ก ๆ ที่เป็นเบี้ยของตนเข้าไปยังความฝันของพวก Tanjirou และทำลายแก่นกลาง แต่ทว่าในระหว่างความฝัน Tanjirou กลับรู้สึกตัวเสียก่อนว่าตนกำลังอยู่ในความฝัน 

ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?

สำหรับแฟน ๆ ดาบพิฆาตอสูรต้องบอกว่าเป็นภาคมูฟวี่ที่คุณจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด นอกเหนือจากที่เนื้อหาจะต่อจากตัวฉบับทีวีซีรีส์แล้ว งานฉบับมูฟวี่นี้เนี้ยบกว่าฉบับซีรีส์อยู่เยอะเลยทีเดียว เป็นภาคสั้น ๆ ที่ถูกขัดเกลาออกมาเป็นเรื่องราวเข้มข้นขั้นสุด ดูแล้วสัมผัสได้เลยว่าทีมงานตั้งใจทำผลงานชิ้นนี้มามากกันแค่ไหน แต่ถ้าถามว่าไม่ดูได้ไหม คำตอบก็คือได้ เพราะฉบับมูฟวี่นี้ทาง ufotable ได้นำไปตัดต่อลงในฉบับทีวีซีรีส์ภาคสองด้วย แต่การดูฉบับที่ตัดต่อแล้วนั้นอาจจะไม่ได้อารมณ์เท่าฉบับมูฟวี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวละครหลักของภาคอย่าง Rengoku ตัวละครที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์น่าติดตามมาตั้งแต่ปรากฎตัว หากได้รู้จักกับเขาเพิ่มมากขึ้นรับรองว่าจะต้องชื่อชอบเสาหลักเพลิงคนนี้มากอย่างแน่นอน

สิ่งที่ ufotable ทำได้ดีในฉบับมูฟวี่คือการดึงอารมณ์ร่วมของคนดูในช่วงท้ายได้ขั้นสุด ขอบอกเลยว่าช่วงต้นเรื่องจนถึงกลางเรื่องถือว่าเป็นน้ำจิ้มของภาคนี้เท่านั้น เพราะส่วนที่เป็นไฮไลท์จริง ๆ คืออยู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เราจะเห็นการต่อสู้ระหว่างเสาหลักและอสูรข้างขึ้นที่ถือว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมากในเรื่อง ฉากบู๊แสนจะดีงาม และซีนอารมณ์ช่วงท้ายขอบอกเลยว่าแม้คนที่ไม่ได้เฉย ๆ กับเรื่องนี้ถึงขั้นอินไปโดยไม่รู้ตัว 

สรุป

เพราะความดีงามเหล่านี้ทำให้คะแนนของเรื่องพุ่งทะยานไปอย่างฉุดไม่อยู่ เว็บไซต์ Myanimelist ให้มากถึง 8.72 และ IMDb  ได้ไปมากถึง 8.3 ซึ่งถือว่าอนิเมชั่นน้อยเรื่องมากที่จะได้คะแนนสูงลิ่วขนาดนี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าแม้เนื้อเรื่องจะเป็นสูตรสำเร็จของการเติบโตของตัวละคร แต่ต้องยกความชอบให้กับคนเขียนบทที่ทำออกมามีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้ ใครที่อยากรู้ว่าภาคนี้เป็นความสุดยอดอย่างไรสามารถติดตามได้ใน Netflix, IQIYI และ LINETV กันได้เลย  สล็อต pg เว็บตรง

Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ