เรื่องราวของปัญญาประดิษฐ์และมนุษย์ที่มีความขัดแย้งนั้นมีมาให้เห็นเรื่อย ๆ อย่างเช่นเรื่อง BLAME ! ที่คราวนี้เราจะไม่ได้เห็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งนั้นแต่จะเป็นเรื่องราวหลังจากความขัดแย้งนั้น ผลพวงของสงคราม และสถานะของมนุษย์หลังสงครามสิ้นสุดลง จากที่เคยมีความสามารถในการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ กลับกลายเป็นต้องหลบหนีและใช้ชีวิตในซอกหลืบเพื่อหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญญาประดิษฐ์มาโดยตลอด และหากพลั้งพลาด นั่นหมายถึงความตาย จึงเป็นอนิเมะอีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างให้ความรู้สึกอึดอัด และความหวังของมนุษย์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
BLAME ! เดิมทีเป็นมังงะจากปลายปากกาของอาจารย์ NIHEI Tsutomu ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Afternoon ของสำนักพิมพ์ Kodansha ปัจจุบันออกมาแล้ว 10 เล่มจบบริบูรณ์ ฉบับภาษาไทยตีพิมพ์และจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ สยามอินเตอร์คอมิค ในชื่อภาษาไทยว่า พลิกวินาทีล่า ส่วนฉบับอนิเมะนั้นถูกดัดแปลงเป็นฉบับหนังโรง ผลิตโดยสตูดิโอ Polygon Pictures ที่เคยสร้างผลงานมาแล้วอย่าง Ajin และ Sidonia no Kishi ฉายเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี 1 ชั่วโมง 45 นาที โดยรูปแบบของอนิเมะเป็นกึ่ง 2D และ 3D ด้วยกัน
ตัวละคร
Killy พากย์เสียงโดย คุณ Sakurai Takahiro
Cibo พากย์เสียงโดย คุณ Hanazawa Kana
Zuru พากย์เสียงโดย คุณ Amamiya Sora
Sutezou พากย์เสียงโดย คุณ Miyano Mamoru
เรื่องย่อ
เดิมทีมนุษยชาติมียีนหนึ่งที่ทำให้พิเศษกว่า AI นั่นก็คือ Net Terminal Genes ซึ่งเป็นพลังที่คอยควบคุม AI เมืองให้เป็นไปตามที่มนุษย์กำหนด แต่ภายหลัง มนุษย์ได้สูญสิ้นสิ่งนี้ไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่งผลให้ AI เมือง ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่รุกล้ำ และไร้ที่อยู่ พวกเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดท่ามกลาง Safeguard โปรแกรมป้องกันเมืองที่พร้อมจะฆ่าทุกคนที่เข้ามาใกล้ Zuru เด็กสาวผู้เหลือรอดชีวิต เรื่องราวครั้งที่มนุษย์เคยมีพลังควบคุมล้วนเป็นเรื่องที่ไกลตัว มันเป็นเรื่องก่อนที่เธอจะกำเนิดบนโลกใบนี้ และเมื่อชีวิตที่ต้องดิ้นรน เธอและเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านแอบผู้ใหญ่ขโมยชุดป้องกันเพื่อตามหาอาหารที่ใกล้หมดแล้วเต็มที่ แต่ทว่าโชคกลับไม่ดีนัก พวกเธอถูก Safeguard พบและโจมตีไปเกินครึ่ง ในขณะที่ความสิ้นหวังกำลังคืบคลานเข้ามา Zuru ก็ได้พบกับชายหนุ่มปริศนาที่สามารถหยุดและทำลายโปรแกรมป้องกันเมืองเหล่านั้นอย่างสิ้นซากที่ชื่อว่า Killy
Killy ตามหามนุษย์ที่มี Net Terminal Genes เขาเดินทางมาอย่างยาวนาน จากชั้นล่างหกพันชั้นของดินแดนมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นมาอย่างไร แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็อาสาพาเขาไปยังใจกลางวิหารที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้นับตั้งแต่จำความได้ ในขณะที่หลาย ๆ คนคิดว่าการไปวิหารคือการกระทำที่ไร้ประโยชน์ แล้วยังจะไม่ให้เกียรติแก่บรรพบุรุษอีกนั้น กลับกลายเป็นว่าพบเศษซากหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่า Cibo เธออ้างว่าตนเป็นนักวิทยาศาสตร์ มนุษย์สูญเสีย Net Terminal Genes ไปแล้วก็จริง แต่ยังคงสามารถที่จะสร้างของเทียมเพื่อควบคุมเมืองได้อยู่ แต่การที่จะสร้างมันได้นั้นจำเป็นจะต้องไปยังโรงงานหุ่นยนต์ โดย Cibo ได้รับปากกับคนในหมู่บ้านว่าแม้แต่อาหารเธอก็จะสร้างให้ จึงทำให้ผู้คนในหมู่บ้านตัดสินใจร่วมอาสาเพื่อเดินทางไปหาความหวังใหม่ของเผ่าพันธุ์
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
เรื่องนี้เป็นมูฟวี่ที่เป็นอนิเมะชั่น 3D ผสมกับ 2D ซึ่งปัจจุบันเป็นลูกเล่นที่หลาย ๆ เรื่องนำมาใช่กันเยอะบ้างแล้ว เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอนิเมะแอคชั่นไซไฟเพราะทั้งเรื่องเราจะเห็นการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์เยอะมาก ที่จริงมันคือ AI ที่คอยปกครองเมืองเป็นกลไกบางอย่างที่เคยสร้างด้วยน้ำมือมนุษย์ก่อนจะถูกละทิ้งและไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป ใครที่ชอบเรื่องราวที่ตั้งต้นว่ามนุษยชาติใกล้สูญสิ้นเหมือนกับวันสิ้นโลกเองก็น่าจะชอบไม่น้อยเช่นกัน เนื้อเรื่องมีครบรสชาติ ประเดิมช่วงแรกด้วยความสิ้นหวังหน่อย ๆ เพราะเด็ก ๆ ที่ออกมาเสี่ยงชีวิตกลับถูกฆ่าเหมือนผักปลา
งานภาพคงไม่มีส่วนไหนที่บอกว่าเป็นงานเผา อยู่ที่ว่างานลักษณะนี้ผู้ชมจะคุ้นชินได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร ตรงกันข้าม มันทำให้แสดงการเคลื่อนไหวได้ดีมากขึ้น แต่อากัปกริยาบางอย่างของตัวละครอาจดูแข็ง ๆ ไปบ้างคล้ายกับภาพของเกมทั่วไป ซึ่งหากมองข้ามจุดนี้แล้วก็น่าจะเพลิดเพลินไปด้วยไม่ยาก
มนุษยเผชิญกับความสิ้นหวังก่อนจะเห็นความหวังแล้วค่อย ๆ เผยถึงปมอันเป็นเหตุแห่งความสิ้นหวังนั้นทีละเล็กทีละน้อย รวมไปถึงเรื่องราวของตัวเอกอย่าง Killy แต่เมื่อดูจบแล้วแฟน ๆ มังงะต่างบอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่าให้ไปตามอ่านกันเอาเอง เพราะเหมือนจะมีเนื้อเรื่องต่อจากนั้น และยังไม่มีวี่แววจะประกาศภาคต่อแต่อย่างใด
สรุป
จากมังงะที่ได้รับความนิยมอยู่พอสมควร ส่งผลให้เรื่องนี้เมื่อทำออกมาแล้วไม่ค่อยเกินคาดหรือผิดหวังมากสำหรับแฟน ๆ หรือผู้ชมเท่าไหร่นัก เว็บไซต์ Myanimelist ให้คะแนนเรื่องนี้อยู่ที่ 7.06 และ IMDb อยู่ที่ 6.6 คะแนน ซึ่งไม่ถือว่าดีสูงมาก แต่ก็อยู่ในระดับที่ยังเป็นที่น่าพึงพอใจ ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้น่าจะไปให้ได้สุดกว่านี้อีก หรือสามารถเล่าเรื่องความหลังของมนุษยชาติให้ได้มากกว่านี้อีกน่าจะทำให้เกิดอารมณ์ร่วมกับคนดูได้มากขึ้น เพราะการเปิดเรื่องต่าง ๆ ศัพท์เฉพาะทำให้ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ เลยว่านั่นหมายความว่าอย่างไร กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ใครที่สนใจสามารถหารับชมได้ที่ Netflix ได้เลยจ้า ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ